ตร.ภาค 4 รวบลุง-หลาน เจาะตู้ ATM ที่อุดรฯ ได้เงินกว่า 1.9 ล้านบาท   


15 มิถุนายน 60 18:53:57

วันนี้ (15 มิ.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 แถลงการจับกุมตัวนายพลธวัช โคมทอง หรือโจ้ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 2 ต.น้ำจั้น อ.เซกา จ.บึงกาฬ และหลานชายของนายพลธวัช อายุ 17 ปี พร้อมของกลางเป็นเงินสด จำนวน 1,123,000 บาท รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเรนเจอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผฉ 4910 อุดรธานี จำนวน 1 คัน พร้อมด้วย ชะแลง ถังแก๊ส ถังลม ชุดสายแก๊สพร้อมหัวเป่า เสื้อผ้าของผู้ต้องหาสวมใส่วันก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ 2 คัน ตู้เย็น 1 เครื่อง เครื่องซักผ้า 1 เครื่อง โทรทัศน์ ขนาด 32 นิ้ว 1 เครื่อง เอกสารการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน มูลค่า 500,000 บาท 1 ชุด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำ 2 สลึง 2 เส้น แหวนทอง 1 สลึง 2 วง

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งคู่ร่วมกันก่อเหตุใช้แก๊สความร้อนเป่าตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านเลื่อม ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 03.00น. ของวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เงินสดจำนวน 1,900,000 บาท แล้วหลบหนีไป

นายพลธวัช สารภาพว่า ตนทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ได้ชักชวนหลานชาย ซึ่งไม่ได้ เรียนหนังสือ ร่วมก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทยขโมยเงิน เงินที่ได้มาได้นำไปซื้อบ้านในราคา 500,000 บาท ซื้อรถจักรยานยนต์ 2 คัน มูลค่า 120,000 บาท ซื้อโทรศัพท์มือถือ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งถูกจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว ที่ต้องก่อเหตุครั้งนี้เพราะเป็นหนี้ค่างวดรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุและค่างวดบ้าน แต่ไม่มีเงินจ่าย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายพลธวัชทั้งหมด เตรียมขยายผลต่อ เพราะการลงมือก่อเหตุทำแบบมืออาชีพ มีการตัดสัญญาณเตือนของตู้เอทีเอ็ม ก่อนที่จะใช้แก๊สความร้อนเป่าเข้าไปเอาเงินไปได้โดยที่สัญญาณเตือนของธนาคารที่สำนักงานใหญ่ไม่มีการแจ้งเตือนแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในเวลากลางคืน โดยทำอันตราย สิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

 

ขอขอบคุณภาพและข่าว







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS