คืบหน้าคดีโกงเงินตร. ผู้การฯขอจ่ายคืนสัปดาห์ละ30ล้าน   


17 กรกฎาคม 61 16:42:10

มีลุ้น “ผู้การสุทิพย์” ขอจ่ายเงินตำรวจเลย สัปดาห์ละ 30 ล้านบาท หลังประสานขอเจรจากับพนักงานสอบสวน ขณะที่ “ธนาศักดิ์” ย้ำชัดทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย

 เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17ก.ค.2561 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการทุจริตเงินโครงการบริหารหนี้และรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ความคืบหน้าการสอบสวนกรณีการทุจริตเงินโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ซึ่งล่าสุดพนักงานสอบสวนได้รับการประสานจาก พล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ในการที่จะทยอยส่งคืนเงินให้กับข้าราชการตำรวจ ทั้ง 192 นาย วงเงินรวม 229 ล้านบาท โดยทำการทยอยผ่อนชำระสัปดาห์ละ 30 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการลงบันทึก และประสานแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน หากผู้ต้องหามีการทยอยคืนเงินดังกล่าวจริง เพราะที่ผ่านมาได้รับการประสานงานในลักษณะดังกล่าวนี้มาแล้วหลายครั้งแต่เรื่องก็เงียบหายไป

“ผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการตำรวจทุกนายล้วนต้องการได้เงินคืน เพื่อไปใช้หนี้ที่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ต้องมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ตามเงื่อนไขของการประกันตัวเพื่อสู้คดีในคดีความดังกล่าว ซึ่งเรื่องของคดีความก็ว่าไปตามกฎหมาย เพราะไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมายได้ ดังนั้นเมื่อการต่อสู้ทางคดีที่ผู้ต้องหาใช้ตำแหน่ง รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่นขอประกันตัวไป ซึ่งพนักงานสอบสนได้รวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากในขณะนี้มีการสอบปากคำผู้เสียหายที่เป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วทั้งหมด 192 ปาก ซึ่งระยะเวลาในการทำสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งให้กับอัยการจังหวัดทำการสั่งฟ้องนั้นตำรวจมีระยะเวลาทำงาน 84 วัน”
                
รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า คดีความดังกล่าว ต้องแยกออกเป็นการเอาผิดทางอาญา ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสนได้แจ้งข้อความกล่าวหาและผู้ต้องหาคือ พล.ต.ต.สุทิพย์ ได้ขอใช้ตำแหน่งประกันตัวไป ในส่วนของการเอาผิดทางวินัย บช.ภ.4 ได้สรุปเรื่องให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบแล้ว ส่วนการดำเนนิงานเอาผิดทางวินัยนั้นอยู่ที่อำนาจสูงสุดของผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ขณะที่การติดต่อเพื่อขอคืนเงินจำนวน 229 ล้านบาทต่อข้าราชการตำรวจนั้นผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะเจรจาขอคืนเงินได้ ซึ่งผู้เสียหายทุกคนนั้นล้วนอยากได้เงินคืนเพราะต้องนำไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาเช่นกัน







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS