ขอนแก่น คืบ ทำแผนชายวัย50ปี จ้วงแทงหนุ่มวัย30ปีตายหน้าบ้านพัก (มีคลิป)
คืบหน้ากรณีหนุ่มโสดวัย 30 ปี ชาวอ.บ้านแฮด ถูกแทงเสียชีวิตหน้าบ้านพัก ล่าสุดผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว ตำรวจคุมตัวทำแผนพร้อมขอขมาพ่อผู้ตาย สารภาพ ผู้ตายจะเข้าไปทำร้ายแม่จึงจ้วงแทงไปครั้งเดียว แต่ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต
ความคืบหน้ากรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุ นายนพพล อินทะมนต์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.14 บ้านโคกสำราญ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ถูกแทงตาย พบศพนอนตายใต้ถุนบ้าน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ภายหลังตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัยว่าเป็นมือมีด วัย 50 ปี พร้อมอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 50 ซม.ไปสอบสวนที่สภ.บ้านแฮด เบื้องต้นให้การปฏิเสธนั้น ล่าสุดผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวให้การรับสารภาพ และต้องการขอขมาญาติคนตาย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 28 มีนาคม 2562 พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ ผกก.สภ.บ้านแฮด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอีกหลายนาย ได้ควบคุมตัวนายไวพจ พงสิมา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103ม.14 บ้านโคกสำราญ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดี ฆ่าผู้อื่นตาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านนับร้อยคน ที่ยืนดูการทำแผน ซึ่งผ่านไปด้วยดี
จุดที่ทำแผนคือจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่เยื้องกับจุดที่พบศพผู้ตาย เป็นเกิดเหตุบ้านปูนชั้นเดียว กำลังมีการเทปูน ต่อเติมหน้าบ้าน จุดนี้ผู้ต้องหา ให้การว่า ขณะนั่งเทพื้นและเกลี่ยปูนอยู่ โดยมี นางส่อน พงสิมา มารดาผู้ต้องหา ยืนดูอยู่ใกล้ ช่วงสายๆผู้ตายเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน พร้อมหยิบขวดสุรา 40 ดีกรี ที่ตั้งอยู่บนพื้น กระดกขึ้นดื่มทั้งขวด นางส่อน จึงพูดขึ้นว่า ดื่มแบบนี้ไม่มีมารยาท หากคนที่เขามีครูบาอาจารย์จะดื่มต่อ จะดื่มได้อย่างไร ผู้ตายที่ในมือถือขวดสุราเซถลาเข้าไปหานางซ่อนพร้อมกับพูดว่า “กูจะกินแบบนี้ กูไม่ได้นั่งกินบนหัวมึง” จังหวะนั้นผู้ต้องหาเห็นท่าไม่ดี และคิดว่าผู้ตายจะทำร้ายมารดาตัวเอง จึงหยิบมีดปลายแหลมมาแทงผู้ตาย 1 ครั้ง จากนั้นผู้ตายก็เดินกลับบ้าน ส่วนผู้ต้องหาก็เดินเข้าในบ้านเอามีดปลายแหลมทิ้งลงในอ่างน้ำและมานั่งทำงานต่อ กระทั่งถูกควบคุมตัวไปสอบสวน
ขณะที่นางส่อน พงสิมา มารดาของผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ผู้ตายเคยเมาอาละวาดปาขวดปาแก้วใส่บ้านมาหลายครั้ง แต่ไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน จึงได้ขอร้องให้ลูกชายเทพื้นบ้านและทำรั้วปูนกั้นหน้าบ้าน เพราะกลัวผู้ตายจะเมาอาละวาดปาสิ่งของมาใส่อีก ลูกชายจึงลงมือเทพื้นและทำรั้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายเดินมาที่หน้าบ้าน ก็หยิบขวดสุราขึ้นดื่ม จึงต่อว่า ผู้ตายกลับมีท่าทางจะเข้ามาทำร้าย เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ตะโกนให้ออกจากจุดดังกล่าว เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าผู้ตายมักจะเมาแล้วอาละวาด ทุกคนกลัวว่าผู้ตายจะทำร้ายยาย จึงบอกให้หนีห่าง จึงรีบเดินออกไปนั่งกับเพื่อนบ้าน หันกลับมามองอีกทีก็เห็นผู้ตายเดินกลับไปบ้านแล้ว และมารู้ว่าตายก็ตอนที่พ่อผู้ตายเอะอะโวยวายขึ้นมา
นางส่อน พงสิมา แม่ของผู้ต้องหา
หลังการทำแผนเสร็จผู้ต้องหาบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้องการกราบขอขมาพ่อแม่ผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำตามคำร้องขอของผู้ต้องหา และพาเข้ากราบขอขมา นายคำเบ้า อินทะมนต์ ในจุดที่นายนพพล นอนตายอยู่ ซึ่งนายคำเบ้า กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้ต้องหา คนตายก็ตายแล้ว คงเรียกกลับมาฟื้นคืนชีพมาไม่ได้ การที่ผู้ต้องหามากราบขอขมาก็ถือเป็นจิตสำนึกของตัวผู้ต้องหาเอง ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย
นายคำเบ้า อินทะมนต์ พ่อผู้ตาย
ขณะที่นายไวพจ พงสิมา ผู้ต้องหา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ตั้งใจแทงให้ตาย เพราะไม่เคยมีเรื่องแค้นเคืองกันมาก่อน แต่ช่วงที่เกิดเหตุนั้น ผู้ตายมีอาการเมาสุรามาแล้ว มาถึงหน้าบ้านก็กระดกสุราในขวดขึ้นดื่ม มารดาตักเตือนดีดี กลับจะทำร้าย ด้วยความโมโหจึงหยิบมีดปลายแหลมแทงไป1 ครั้ง ซึ่งหลังจากถูกแทงผู้ตายก็เดินกลับบ้าน และนอนที่พื้น ไม่คิดว่าจะตาย แต่คิดว่าเมาสุราแล้วหลับ แต่เมื่อรู้ว่าตายก็ไม่หลบหนีไปไหน เพราะห่วงมารดา จึงถูกควบคุมตัวไป หลังถูกควบคุมตัวที่ยังไม่สารภาพเพราะไม่คิดว่าคนถูกแทงจะตาย นั่งคิดมาทั้งคืนว่าสิ่งที่ทำไปมีคนตายก็ต้องรับผิดจึงยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและยินดีรับโทษตามกฎหมาย
พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ ผกก.สภ.บ้านแฮด
ภายหลังการทำแผนและพาผู้ต้องหากราบขอขมาพ่อผู้ตายเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ ผกก.สภ.บ้านแฮด กล่าวว่า มูลเหตุเกิดจากการที่ผู้ตายเดินมาในบ้านผู้ต้องหาแล้วหยิบสุราขึ้นมาดื่ม เมื่อถูกนางส่อน มารดาผู้ต้องหาตักเตือน กลับจะเข้าทำร้าย ผู้ต้องหาจึงบันดาลโทสะใช้มีดแทง แต่ในเบื้องต้นไม่คิดว่าจะตาย แต่เมื่อรู้ว่าตายก็ไม่หลบหนี ที่ยังไม่รับสารภาพเพราะยังตื่นกลัว ขณะที่พ่อของผู้ตายเองก็ไม่ติดใจ ขอให้ทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
