แม่ค้าเผยค่ำวันเกิดเหตุน้องอั้มมาซื้อลูกชิ้นและน้ำหวานบอกจะไปนั่งกินดูรถแมคโฮที่สระวงษ์ (มีคลิป)
แม่ค้าเผยค่ำวันเกิดเหตุน้องอั้มมาซื้อลูกชิ้นและน้ำหวานบอกจะไปนั่งกินดูรถแมคโฮที่สระวงษ์ ขณะที่ชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ อ.เปือยน้อย จ.ขนแก่น แห่มาดูการสูบน้ำภายในสระวงษ์ ที่กำลังเร่งสูบน้ำออกจากสระเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขุดหาชิ้นส่วนน้องอั้มตามคำบอกเล่าของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าพยานพูดความจริง หากขุดในจุดดังกล่าวจะต้องเจอชิ้นส่วนน้องอั้มอย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ค.2562 ที่บริเวณริมสระวงษ์ ต.เปือยน้อย อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ของทาง อบจ.ขอนแก่นกำลังดำเนินการเร่งสูบน้ำออกจากสระ เพื่อเตรียมขุดดินค้นหาชิ้นส่วนของเด็กชาย ธนวรรชน์ แก้วตา ซึ่งหายตัวไปขณะอายุได้ 5 ขวบ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2559 ตามคำบอกเล่าของพยานซึ่งเป็นเพื่อนกับน้องอั้ม ได้ให้การว่าเห็นรถแบคโฮเหวี่ยงมือตักมาโดนที่ศีรษะน้องอั้มจนเลือดอาบและตกลงในหลุม ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งกลับบ้านไปทันที ซึ่งคำให้การของพยานที่เป็นเพื่อนน้องอั้มให้การเหมือนเดิมตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี จึงเป็นที่มาของการสูบน้ำออกเพื่อที่จะขุดในจุดดังกล่าวที่พยานชี้ยืนยันว่าเกิดเหตุบริเวณนี้โดยได้นำธงแดงมาปักเอาไว้ เมื่อน้ำแห้งสนิทจึงจะสามารถเริ่มขุดได้ ในขณะที่ทางด้านคนขับรถแบ็คโฮและภรรยายืนยันว่าในวันดังกล่าวรถแบ็คโฮจอดนิ่งอยู่ข้างตู้ยาม สภ.เปือยน้อย ที่อยู่ริมสระวงษ์ และยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
โดยในช่วงเช้าวันนี้มีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างมาดูการสูบน้ำของทางเจ้าหน้าที่ หลังมีข่าวเผยแพร่ในสื่อหลายแขนง ซึ่งส่วนใหญ่อยากจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง และเชื่อว่าจะต้องเจอชิ้นส่วนของน้องอั้มอย่างแน่นอน บางครอบครัวขับรถเก๋งข้ามอำเภอมาดูถึงที่ ซึ่งจากการพูดคุยต่างก็บอกว่า อยากมาดูให้เห็นว่ามีการสูบน้ำออกจริง และมาเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และอยากให้เจอกระดูกของน้องอั้มโดยเร็วหากเป็นไปตามคำยืนยันของพยาน
นายสมใจ พรมสีดา อายุ 71 ปี ชาวบ้านหัวขัว ที่มาดูการสูบน้ำออกจากสระ
ทางด้านนายสมใจ พรมสีดา อายุ 71 ปี ชาวบ้านหัวขัว ที่มาดูการสูบน้ำออกจากสระ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จำได้ว่าวันที่น้องอั้มหายไปนั้น เป็นช่วงเวลามืดค่ำแล้ว ในสระวงษ์รถบรรทุกหยุดวิ่งแล้ว มีเพียงรถแบคโฮ ยังทำงานอยู่ ถ้าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น ก็เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ หากสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปตามคำที่พยานยืนยันว่าน้องอั้มถูกมือแบคโฮตบตกลงไปตายในหลุมดิน เชื่อว่า คนขับรถแมคโฮไม่ได้ตั้งใจทำให้น้องตาย แต่เป็นอุบัติเหตุที่มองไม่เห็นเพราะมืดค่ำแล้ว เด็กๆควรกลับบ้าน แต่เมื่อมีการพิสูจน์โดยเจ้าหน้าที่หลายส่วนร่วมมือกันก็น่าจะเจอกระดูกน้องอั้มฝังอยู่ในดินใต้สระน้ำแห่งนี้
นางละเอียด สายจันดี อายุ 53 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอด
ขณะที่ นางละเอียด สายจันดี อายุ 53 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอดในตลาดสดเทศบาลเปือยน้อย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจแทนครอบครัวของน้องอั้ม ที่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานไม่ละเลย และอยากให้ขุดเจอกระดูกน้องอั้มจริงๆ ครอบครัวจะได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้น้องอั้มเสียที ซึ่งวันที่น้องอั้มหายตัวไปนั้น จำได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งพลบค่ำแล้ว แต่น้องอั้มยังเดินมาขอซื้อลูกชิ้นและน้ำหวาน รวม 20 บาท ตัวเองจึงแถมข้าวโพดคลุกเนยให้อีก 1 แก้ว น้องอั้มบอกว่าจะเอาไปนั่งกินตอนดูรถแมคโฮที่สระวงษ์ จึงบอกให้กลับบ้าน แต่น้องอั้มวิ่งไปกับเพื่อน ต่อมาเวลาประมาณ 2 ทุ่ม คุณยายน้องอั้มออกตามหาหลานและบอกว่าน้องอั้มหายตัวไป ทุกคนช่วยตามหาแต่ไม่พบตัว กระทั่งมีข่าวคราวว่าน้องอั้มตายในสระวงษ์ ส่วนสาเหตุใดนั้น ทราบตามข่าวลือเท่านั้น จริงหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้ ต้องรอวันที่เข้าหน้าที่ตำรวจขุดดินในสระมาพิสูจน์เสียก่อน
