ขอนแก่น วงจรปิดจับภาพลูกน้องแสบขโมยเหล็กนายจ้าง มูลค่า 1.5 ล้านบาท (มีคลิป)

2

วงจรปิดจับภาพลูกน้องแสบ แอบขโมยกองเหล็กของนายจ้างจำนวน 3 กอง รวมมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท หลังนายจ้างให้นอนเฝ้ากองเหล็กดังกล่าว วอนตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

        นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถยนต์กระบะต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายขโมยเหล็กรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ของนายไพบูลย์ ประไพวรรณ อายุ 59 ปี ชาว จ.ขอนแก่นไป ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเอาไว้ได้ 2 เหตุการณ์ ในวันที่ 12 ก.ค.เวลาประมาณ 15.30 น. และเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันที่ 16 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านแดงใหญ่ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนด์-ฟ้า ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับขี่ผ่านกล้องวงจรปิดไปมาหลายรอบ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนั้นมีเหล็กที่คาดว่าจะเป็นเหล็กของนายไพบูลย์อยู่ในกระบะ

        ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ค.2564 นายไพบูลย์ ประไพวรรณ อายุ 59 ปี 108/72-73 ถนนศิลปสนิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พาผู้สื่อข่าวดูจุดที่วางกองเหล็กเอาไว้ ซึ่งเป็นเหล็กแบบสำหรับก่อสร้าง บนที่ดิน 12 ไร่ พื้นที่บ้านแดงใหญ่ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยได้วางเอาไว้จำนวน 3 กอง รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ถูกคนร้ายขโมยไปจนเกือบหมด พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองได้นำแบบเหล็กดังกล่าวมารวบรวมไว้ที่นี่ เพื่อที่จะเตรียมสร้างโกดังสินค้า โดยมีรั้วรอบขอบชิด มีกล้องวงจรปิด 2 ตัว พร้อมทั้งจ้างลูกน้องมานอนเฝ้าคือ นายบุญธรรม ไพศาล โดยให้เป็นเงินเดือน เดือนละ 6,000 บาท ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้พาไปทำงานในเมืองด้วยประมาณ 1 เดือน นายบุญธรรม ขอไปนอนเฝ้าของให้ที่จุดเกิดเหตุไม่ขอทำงานในเมือง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าลูกน้องหวังดี ก็อนุญาตให้ไปเฝ้า กระทั่งงานในเมืองเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ได้ไปดูพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อจะเตรียมการสร้างโกดังสินค้า ทำให้เริ่มเอะใจว่าทำไมของเหลือน้อย ติดต่อไปยังนายบุญธรรม ก็ติดต่อไม่ได้ สอบถามคนแถวนั้นทราบว่ามีรถกระบะเข้ามาขนเหล็กไปหลายครั้งแต่ไม่มีเบอร์ติดต่อตนเองจึงไม่รู้จะแจ้งยังไง ตนเองจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านเป็ด ในวันที่ 14 ก.ค.2564 ทางตำรวจก็ลงพื้นที่มาตรวจสอบ

        ผ่านไปแค่เพียงวันเดียว ในวันที่ 16 ก.ค.2564 คนร้ายย้อนมาก่อเหตุอีก และขนเหล็กแบบไปจนเกือบหมด ตนเองได้ติดตามความคืบหน้ากับทางตำรวจ ซึ่งทางร้อยเวรบอกว่า ตอนที่ตำรวจลงพื้นที่ไปนั้นคนร้ายกำลังขนเหล็กขึ้นรถยนต์กระบะ 2 คัน คันหนึ่งยี่ห้อโตโยต้า อีกคันยี่ห้ออีซูซุ ทางตำรวจได้ไล่ติดตามไปแต่ตามไม่ทัน ขณะที่คนร้ายยังทำเหล็กแบบหล่นกลางถนนและหลบหนีไปได้ และสามารถควบคุมตัวนายบุญธรรม ลูกจ้างของตนเองที่เป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนการขโมยเหล็กแบบตนเองไปมาสอบสวน โดยนายบุญธรรมก็รับสารภาพกับตำรวจว่าเอาไปจริง รับว่าทำคนเดียว ส่วนกระบะอีก 2 คันนั้น ทางตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนทราบตัวและมีการเรียกทั้ง 2 คันมาสอบปากคำก่อนจะปล่อยตัวไป โดยบอกกับตนเองว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้ ตนเองจึงพยายามหาหลักฐานต่างๆช่วยตำรวจอีกทาง กระทั่งได้ภาพจากกล้องวงจรปิดรถยนต์กระบะบรรทุกเหล็กแบบของตนเองที่ท้ายกระบะ ซึ่งตนเองมั่นใจจำได้แม่นยำว่าเป็นของตนเองอย่างแน่นอน เพราะเหล็กแบบทุกอันทำขึ้นเองเพื่อใช้ในไซต์งานก่อสร้าง พร้อมทั้งตามหาแบบเหล็กตามร้านรับซื้อของเก่าต่างๆแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ เนื่องจากทางร้านจะให้ทางตำรวจเป็นคนมาดูเท่านั้น ตอนนี้ตนเองยืนยันต้องการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนในการขโมยแบบเหล็กของตนเองไป มั่นใจว่าต้องทำเป็นขบวนการไม่สามารถทำคนเดียวได้ เพราะเหล็กแผ่นใหญ่และหนักมาก การขนย้ายต้องใช้รถกระบะหรือรถสิบล้อเท่านั้น ซึ่งมูลค่าความเสียหายนั้นรวมกว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งตนเองอยากได้เหล็กคืนอย่างน้อยซักครึ่งหนึ่งยังดี เพราะมีความสำคัญในการที่จะต้องนำมาใช้ในการทำธุรกิจ หากไปซื้อเหล็กใหม่ก็จะเป็นอีกราคาซึ่งแพงมาก

        ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า สำหรับนายบุญธรรมลูกจ้างรายนี้นั้น ก่อนจะออกลายเคยมาขอทำงานด้วย เพราะตกงานเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ตนเองจึงเห็นใจรับเข้าทำงาน ให้อาหาร ให้ที่อยู่ และให้เงินเป็นรายวัน กระทั่งเห็นว่าทำงานดีจึงได้เริ่มจ้างเป็นเดือนในช่วงเดือนเมษายนเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงที่ตนเองพาไปทำงานในเมือง เคยไปขโมยของจนถูกจับ ตนเองก็ให้โอกาสแต่ถ้าก่อเหตุอีกก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดและจะไม่ช่วย กระทั่งมาออกลายขโมยแบบเหล็กตนเองครั้งนี้ จึงอยากให้ทางตำรวจสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีลูกจ้างคนนี้และขบวนการที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง