เมืองพลเร่งต้มยาสมุนไพรแจกจ่ายให้กับชุมน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต้านภัยโควิด ด้วยสูตรแพทย์แผนไทยที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น “กิตติโชติ” ย้ำชัดทานแต่พอดีตามแพทย์แนะนำ ขณะที่การต้มต้องอยู่ในสูตรที่แพทย์กำหนดเท่านั้น
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 31 ก.ค.2564 ที่สำนักงานเทศบาลเมืองเมืองเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น นายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล หรือ ทม. พร้อมด้วย นางสุจิตรา สายแก้ว ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ทม.พล นำคณะเจ้าหน้าที่เทศบาลฯและ อสม.ในชุมชน ร่วมกันต้มสมุนไพรพื้นบ้านต้านไวรัสสำหรับการนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน รวมทั้งประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดงที่ต้องถูกกักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วัน ตามมาตรการควบคุมและป้องกัน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่ชุมชนอย่างเข้มงวด
นายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล กล่าวว่า การต้มยาสมุนไพรต้านไวรัส เป็นศาสตร์แพทย์แผนไทยที่สืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และการส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนในชุมชนได้มีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่ป่วยเป็นสิ่งที่คณะทำงานร่วมทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่นอกจากการให้คนในชุมชนเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว การให้ศาสตร์แพทย์แผนไทยด้วยสมุนไพรต้านไวรัสจึงเป็นแนวทางที่เทศบาลฯได้ทำทันที โดยร่วมกันกับผู้มีจิตศรัทธาในชุมชน ร่วมกันนำส่งวัตถุดิบที่มีอยู่ มอบให้กับกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งมอบให้กับประธานขุมชนทั้ง 14 ชุมชน ได้ทำการผลิตยาสมุนไพรไทยต้านไวรัส โดยขณะนี้การตั้งจุดต้มยาดังกล่าวนอกจากที่สำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ทม.พล แล้ว ที่ทำการชุมชนทั้ง 14 ชุมชน ก็เป็นจุดต้มยาสมุนไพรดังกล่าวแจกจ่ายให้กับชุมชนด้วยเช่นกัน
“วันนี้ ทม.พล ได้กำหนดสูตรการต้มยาสมุนไพรต้านไวรัสไว้ 2 สูตร ที่สามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีนักวิชาการสาธารณสุข และทีมแพทย์แผนไทย ทม.พล และ รพ.พล ร่วมกันตรวจสอบและกำกับการต้มและกำกับวิธีใช้ให้กับประชาชนในเขตเทศบาลฯ โดยสูตรแรก จะประกอบด้วยขิง 1 กก.,กระชาย 1 กก.,ตะไคร้ 1 กก.,ใบเตย 1 กำมือ,ใบมะกรูด 1 กก.,ผลมะกรูดต้มทั้งลูก 5 ลูก,ข่า 1 กก. โดยนำมาทำความสะอาดและหั่นเป็นชิ้น จากนั้นใส่น้ำสะอาดเต็มหม้อเบอร์ 40 และต้มน้ำจนเดือด ซึ่งเมื่อเดือดแล้ว ใส่สมุนไพรไทยทั้งหมดลงไปพร้อมกันปิดฝา และทิ้งไว้ 15 นาที โดยในช่วงของการต้มยาสมุนไพรนั้น ทำการปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายแดง ประมาณ 2 ทัพพี,เกลือ 1 ช้อนชา และ เมื่อครบ 15 นาทีแล้ว ดับไฟและปรุงรสเพิ่มเติมด้วยน้ำผึ้ง 2 ทัพพี ก็จะได้ยาสมุนไพรต้านไวรัส ที่นำไปบรรจุขวดละ 200 ซีซี แจกจ่ายให้คนในชุมชนได้ ซึ่ง 1 หม้อ จะได้ยาสมุนไพรประมาณ150 ขวด ขณะสูตรที่ 2 ใช้หม้อเบอร์ 40 เช่นกัน แต่สูตรนี้จะแรงขึ้นมานิดเด็กๆจะทานยากเพราะจะมีความเผ็ดร้อนและรสขม โดยวัตถุดิบก็จะประกอบด้วย ตะไคร้ 1.30 กก.,ข่า 1.30 กก.,ขิง1.30 กก.,มะนาว 9 ลูก,มะกรูด 9 ลูก,ดอกอัญชัญ ครึ่ง กก.,ใบมะกรูด ครึ่ง กก,,ใบหม่อน ครึ่ง กก. และ พระเอกของสูตรนี้คือฟ้าทะลายโจรสด ครึ่ง กก.”
นายกิตติโชติ กล่าวต่ออีกว่า ในสูตรที่ 2 นี้นั้นมีความเผ็ดร้อน และรสขม ซึ่งเมื่อเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดแล้วนำมาทำความสะอาดและหั่นให้เรียบร้อย ตั้งน้ำให้เดือดและใส่สมุนไพรไทยทั้งหมดลงไป ปิดฝาไว้ 30 นาที โดยไม่มารปรุงรสใดๆ เมื่อครบตามเวลาที่กำหนด พักให้เย็นและบรรจุใส่ขวดขนาด 200 ซีซี ซึ่งในการส่งมอบน้ำสมุนไพรหรือสมุนไพรไทยต้านไวรัสนี้นั้น จะทำการส่งมอบให้กับชุมชนทั้ง 14 ชุมชนทุกวัน แต่จะเน้นหนักไปที่ศูนย์พักคอย 10 ศูนย์ฯของเทศบาลฯ ที่จะต้องกักตัวผู้ที่มาจากพื้นที่ 13 จังหวัดกลุ่มเสี่ยง ตามแผนงานที่เทศบาลฯ และ ทางอำเภอ รวมทั้ง รพ.พล กำหนด เพื่อให้ผู้ที่เข้าพื้นที่ที่อยู่ในระยะพักคอย 14 วันได้รับประทานยาสมุนไพรไทยต้านไวรัส ที่กำหนดให้รับประทานได้วันละ 2 ขวดเท่านั้น อย่างไรก็ตามการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน จัดเป็นหน้าที่ที่ท้องถิ่นจะต้องรับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์เกิดขึ้น ความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เสียสละร่วมกัน มีการส่งมอบวัตถุดิบสมุนไพรพื้นบ้าน ทั้งจากสวนหลังบ้าน หรือปลูกไว้ริมรั้วหรือจัดซื้อมาจากตลาด มาส่งให้กับคณะทำงานได้ดำเนินการจัดเป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นของคน อ.พล ที่วันนี้พร้อมรับคนบ้านเดียวกันกลับบ้าน เข้าสู่ระบบการรักษาและกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวอย่างปลอดภัย
Leave a Response