เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 15 ส.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคณะราษฎรขอนแก่น ร่วมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ได้ร่วมกันจัดกิจกรมคาร์ม็อบ คู่ขนานกับการจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ โดยได้เริ่มเคลื่อนขบวนจากบริเวณริมบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น ด้วยขบวนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุก 6 ล้อรวมกว่า 100 คัน เพื่อเรียกร้องและกดดันให้รัฐบาล ซึ่งนำโดย พล.อ.ประยุทธิ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง โดยมีแกนนะคณะราษฎรขอนแก่น 2564 รวมทั้งแกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันทีและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันปราศรัยอยู่บนรถ เพื่อโจมตีการทำงานของรัฐบาลและการบริหารงานที่ผิดพลาดโดยเฉพาะกับการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น

        โดยขบวนรถนับร้อยคันได้เคลื่อนขบวนมาตามเส้นทาง ถ.กลางเมือง และหยุดปราศรัย ที่ หน้า สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเรียกร้องให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นอยู่กับที่ไม่เคลื่อนย้ายหรือสมทบกำลังที่กรุงเทพฯ เพื่อสกัดและยับยั้งการชุมนุม ในการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ หรือการชุมนุมในระดับพื้นที่ ก่อนที่ขบวนคาร์ม็อบจะเคลื่อนต่อมาตาม ถ.กลางเมือง ผ่านศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และเข้าสู่ ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ก่อนที่จะมาปักหลักปราศรัย ด้านหน้า มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่วางกำลังอยู่ด้านหน้า มทบ.23 อย่างเต็มกำลัง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้อยุ่บริเวณด้านหน้า มทบ.23 โดยไม่อนุญาตเข้ามาในพื้นที่โดยเด็ดขาด ซึ่งแกนนำได้ปราศรัยขับไล่ พล.อ.ประยุทธิ์ และคณะรัฐบาลออกจากตำแหน่ง และการกำหนดท่าทีการชมนุมในสัปดาห์ต่อไปก่อนที่จะแยกย้ายการชุมนุมไปอย่างสงบ

        นายวรพจน์ สวัสดิ์ถาวร คณะกรรมการกลุ่มคณะราษฎรขอนแก่น 64 กล่าวว่า การจัดกิจกรรมตลอดทุกสัปดาห์ต่อจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มจะกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งจากการบริหารงานที่ผิดพลาดในทุกๆเรื่อง รวมทั้งการระดมมวลชนให้ได้ 10,000 คน จากกลุ่มต่างๆเพื่อเตรียมสมทบการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯในเดือน ต.ค.นี้ และหากจำนวนผู้ชุมนุมไม่ถึง 10,000 คนก็จะปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมมาในระดับพื้นที่ด้วยการกำหนดท่าทีที่จะชัดดาวน์ขอนแก่น ตามที่ทุกฝ่ายได้กำหนดท่าทีเอาไว้อย่างชัดเจน