น้องสาววัย 46 ปี น้อยใจพี่ชาย ซื้อสุรามานั่งดื่มย้อมใจในโรงแรม ก่อนจะตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตในห้อง แม่บ้านเผย คนตายทะเลาะกับพี่ชายไม่อยากให้เข้าบ้านรังเกียจหาว่ามีเชื้อโควิด-19

         เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2564 ร.ต.อ.กิจติพล ศรีแทน รองสว.สอบสวนสภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุบ้านไผ่ว่า มีคนผูกคอตายในห้องพักหมายเลข 402 ชั้น4 โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ ขอให้ไปตรวจที่เกิดเหตุด้วย ภายหลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นประสานแพทย์รพ.บ้านไผ่ร่วมชันสูตรศพคนตาย และประสาน กู้ภัยพุทธญาณสมาคม เต็กก่า จีเยี้ยงเกาะ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เก็บศพคนตายในที่เกิดเหตุ

         จากนั้นจึงไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงห้องหมายเลขดังกล่าว พบศพคนตายเป็นหญิงผมสั้น สวมเสื้อลายช้าง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ผูกคอด้วยผ้าห่มสีส้มกับขาพัดลมติดผนัง ที่ปลายเท้ามีเก้าอี้ตั้งอยู่ ภายในห้องพัก ไม่มีร่อยการต่อสู้ แต่ที่พื้นกลางห้องพัก พบขวดสุรา 40 ดีกรี พร้อมถ้วยใส่มะขามเปียกและเกลือวางรวมกันอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างผู้ตายลงมาวางที่พื้นเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชม.ตามร่างกายไม่มีรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด ในกระเป๋ากางเกงพบบัตรประชาชน ทราบชื่อว่า นางสาวกุหลาบ ค่อมผุสดี อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 4 ตำบลเปือยใหญ่ อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น

         ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม นางสาย (เจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุลจริง) อายุ 60 ปี แม่บ้านของโรงแรม ทราบว่า นางสาวกุหลาบเข้ามาพักที่โรงแรมเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา โดยได้เล่าให้ฟังว่า อยู่บ้านไม่ได้ มีเรื่องทะเลากับพี่ชาย เพราะพี่ชายรังเกียจ กลัวว่าจะติดโควิด-19 ไม่ให้อยู่ด้วย จึงได้เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน มาเช่าโรงแรมอยู่ในอำเภอบ้านไผ่ เมื่อมาอยู่ที่โรงแรม ก็มักจะซื้อสุรามาดื่มในห้องพักตลอดเวลา โดยก่อนพบศพ ไม่เห็นออกจากห้องจึงไปเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ได้ยินแต่เสียงทีวีเปิดอยู่ จึงเปิดประตูเข้าไปดูก็พบว่า ผูกคอตายแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

         ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า นางสาวกุกหลาบอาจเกิดความน้อยใจที่พี่ชายไม่ให้อยู่บ้านด้วย จึงไปซื้อสุรามาดื่ม จากนั้นก็คิดสั้นผูกคอตายดังกล่าว จากนั้นจึงได้ร่วมกับแพทย์รพ.บ้านไผ่ ชันสูตรศพผู้ตาย นำศพไปเก็บที่รพ.บ้านไผ่ ก่อนที่จะประสานญาติมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป