วงจรปิดจับภาพโจ๋ 16-17 ปี ขับรถจักรยานยนต์พร้อมอาวุธมีดไล่ฟันอริกลางถนนจนต้องทิ้งรถหนีเข้าป่าเอาชีวิตรอด ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะถอดใจหาตัวอริไม่เจอแล้วหลบหนีไป เข้าแจ้งความตำรวจไม่ใส่ใจหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยอีก ขณะที่อีกฝ่ายโพสต์เฟซบุ๊กและส่งข้อความข่มขู่ อย่ามองกูโบ๋
นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านจำหน่ายหม่ำ ริมถนนมิตรภาพ สายขอนแก่น-นครราชสีมา ในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล จ.ขอนแก่น บันทึกภาพเหตุการณ์เยาวชนอายุ 16-17 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามทำร้ายอีกฝ่าย อยู่ห่างจากกล้องออกไปประมาณ 150 เมตร โดยมีรถจักรยานยนต์ฝ่ายที่ทำร้ายซึ่งมีอาวุธมีดมากัน 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาปาดหน้ารถจักรยานยนต์ของอีกฝ่ายซึ่งไม่มีอาวุธ แล้วลงมาใช้อาวุธมีดฟันกลางศีรษะซึ่งมีหมวกกันน็อคเต็มใบสวมใส่อยู่ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะชุลมุนกันประมาณ 2 นาที ก่อนที่ฝ่ายวัยรุ่นที่มีมีดจะขับรถจักรยานยนต์ขึ้นบนถนนมิตรภาพผ่านกล้องไป และหลังเกิดเหตุก็มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือและเรียกตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายประมาณวันที่ 13 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ก.ย.2564 นายคิน (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ปวช.1 ชาว ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ ถูกวัยรุ่นไล่ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด และไปแจ้งความกับตำรวจสภ.พลเรียบร้อยแล้ว แต่ตำรวจให้ไปหาพยาน หลักฐานมาให้ครบ แล้วค่อยมาคุยกัน
นายคิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา หลังเลิกเรียนช่วงบ่าย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปหาเพื่อนที่ร้านสนุกเกอร์แห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล ซึ่งพอไปหาเพื่อนได้ไม่นาน รุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จักเดินมาบอกว่า มีวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ ไม่ติดทะเบียน มาถอดเอากุญแจรถไป ทีแรกในใจคิดว่ามีเพื่อนๆมาแกล้ง จึงสอบถามกับเพื่อนๆแต่ทุกคนยืนยันว่าไม่ได้แกล้ง จึงเดินทางกลับบ้าน โดยการให้เพื่อนสนิทขี่รถจักรยานยนต์คันของตัวเองคอยบังคับรถ ส่วนตัวเองขับรถจักรยานยนต์ของเพื่อน เพื่อใช้เท้ายันรถให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อกลับบ้าน ไปเอากุญแจรถที่บ้าน
เมื่อถึงบริเวณใต้สะพานมิตรภาพข้ามทางรถไฟ เยื้องวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ ก็มีวัยรุ่น 2 คนขับขี่รถรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ ไม่ติดทะเบียน ขับมาเบียดและปาดหน้า โดยคนซ้อนท้ายมาพร้อมกับอาวุธมีดยาว บอกให้ตนเองและเพื่อนจอดรถ ก่อนจะฟันเข้าที่ศีรษะตน แต่ตนเองสวมหมวกกันน็อคเต็มใบจึงไม่ได้รับอันตรายเป็นแผล และขณะกำลังจะหยุดรถ ก็ถูกฟันอีกหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงตัดสินใจ ทิ้งรถวิ่งหนีเข้าป่าเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนที่วัยรุ่นที่ตามมาทำร้ายทั้ง 2 คนจะขับรถจักรยานยนต์หนีไป แต่สักพักก็ย้อนกลับมาดูว่าตนเองออกมาหรือไม่ หลังเกิดเหตุจึงโทรศัพท์บอกเพื่อนมารับกลับบ้าน ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็ถูกคนร้ายอีกคน ถือมีดยาวคุมตัวเอาไว้ ทำท่าจะทำร้ายแต่ก็ไม่ได้ลงมือ ก่อนจะพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีขึ้นถนนมิตรภาพไป
นายคิน กล่าวอีกว่า การถูกตามทำร้ายในครั้งนี้ ส่วนตัวสงสัยว่าจะมาจากชายอายุ 17 ปี เป็นอดีตแฟนเก่าของหญิงสาวที่ตนคุยด้วย แต่ทั้งคู่เลิกกันมานานแล้ว แต่ฝ่ายชายยังคอยระรานและตามหึงหวงตลอดมา ส่วนเรื่องอื่นๆไม่มี แต่เมื่อไปแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจก็มองว่าไม่มีพยาน หลักฐานเอาผิดกับคนก่อเหตุ จึงตามหาหลักฐานเท่าที่หาได้ทั้งกล้องวงจรปิดและรถจักรยานยนต์และเสื้อที่ผู้ต้องสงสัยสวมใส่ในวันก่อเหตุไปส่งให้ตำรวจ ตำรวจก็ยังไม่ใส่ใจ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกรงว่าจะถูกทำร้ายซ้ำอีก ในส่วนของคนร้ายที่ตนจำได้นั้น คนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบสีดำมีลาย ใส่เสื้อคลุมสีดำ ใส่รองเท้าคอนเวิร์สสีขาว ส่วนคนขับใส่เสื้อคลุมสีขาว ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ ซึ่งหลักฐานทั้งหมดนั้น มอบให้ตำรวจหมดแล้ว ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยและกลัวว่าอีกฝ่ายจะก่อเหตุซ้ำอีก
ขณะที่ นายสุนทร สีจุนลา อายุ 46 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และเข้าช่วยเหลือนายคิน กล่าวว่า ในวันดังกล่าว ขับรถยนต์กลับมาจากในเมืองพล เพื่อกลับบ้าน ผ่านใต้สะพาน มาเจอรถจักรยานยนต์ของนายคิน จอดอยู่ข้างถนน จึงลงมาดูเพราะคิดว่า มีคนประสบอุบัติเหตุ ขณะนั้นมีคนมาบอกว่า เป็นรถของวัยรุ่นที่ถูกคนร้าย ไล่ทำร้าย จากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนของนายคินมาหา และบอกว่า นายคินถูกคนไล่ทำร้าย และนายคินซ่อนตัวในป่า จึงพากันไปช่วยเหลือนายคินออกมา จากนั้นจึงแจ้งตำรวจสภ.พล มาตรวจที่เกิดเหตุ และนายคินก็กลับบ้าน จากนั้นนายคินก็กลับมาหาอีกครั้ง เพื่อขอวงจรปิด นำไปเป็นหลักฐานในการแจ้งตำรวจสภ.พล จึงให้วงจรปิดในช่วงเกิดเหตุไป เพื่อที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทางด้าน พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ ผกก.สภ.พล จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตำรวจไม้ได้ละเลย แต่อาจจะเป็นการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เพราะในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความเรียบร้อยแล้ว และได้ติดตามตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่กล้ายืนยันตัวตน เนื่องจากคนก่อเหตุใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสภ.พล ทำการสืบสวนรายละเอียดในกรณีดังกล่าวให้ชัดเจนอีกครั้ง และติดตามหาตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
Leave a Response