เจ้าของร้านอาหารดังขอนแก่น เผยยังไม่เปิดให้บริการ แม้ ศบค.จะคลายล็อคเป็นสีส้ม เหตุบรรยากาศไม่ได้ คนออกมาทานอาหารนอกบ้านน้อยลงเพราะส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในความปลอดภัย ทานอาหารที่บ้านดีกว่าออกมาพบปะสังสรรค์

      เมื่อเวลา 14.30 น. วันที 17 พ.ค.2564 ที่ร้านคอฟฟี่ เดอลา สาขาโอโซนวิเลจ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายภาณุ ธีรภานุ เจ้าของร้านยูบาร์ ผับ และ ร้านเดอลา แจ๊ส ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์กับตสื่อมวลชนว่า แม้ ศบค.จะประกาศให้ขอนแก่น อยู่ในกลุ่มจังหวัดสีส้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ แต่ยังคงดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ขณะที่ทางจังหวัดได้ออกประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อฉบับที่ 38 สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดออกมา โดยอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อทั่วไปกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งจากสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลง แต่เมื่อมองถึงข้อเท็จจริงและพฤติกรรมของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นส่วนใหญ่ยังคงไม่กล้าออกมานั่งรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเมื่อ ศบค.กำหนดมาตรการผ่อนคลายออกมา ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่อที่ดีที่ให้ให้พ่อค้า-แม่ค้า มีเวลาในการให้บริการเยอะขั้น ทั้งร้านหมูกระทะ ร้านชาบู กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าตลาดโต้รุ่ง แต่ในมุมของผู้ประกอบการร้านอาหาร จริงๆ นั้นส่วนใหญ่ยังคงไม่เปิดให้บริการไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

      “ยอมรับว่ามาตรการผ่อนคลายที่รัฐและจังหวัดกำหนดออกมาล่าสุดจะสร้างบรรยากาศให้ขอนแก่นกลับมาคึกคักอีกครั้งแต่ก็คงเป็นไปเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ตลาดโต้รุ่ง ร้านหมูกระทะ ร้านชาบู หรือร้านอาหารทั่วไป แต่กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดใหญ่ ในเขตเมืองขอนแก่น ที่ให้บริการเฉพาะกลุ่มอย่างผับ บาร์ คาเฟ่ หรือร้านดื่มกินทั่วไปคงไม่เปิด เนื่องจากเปิดไปก็ไม่มีลูกค้า ไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีการแสดงดนตรีสด ซึ่งทุกร้านพร้อมใจที่จะปฎิบัติตามมาตรการที่ทางรัฐกำหนดเพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปด้วยกันโดยเร็ว”

      นายภาณุ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับร้านอาหารที่ทำอยู่อย่างร้านหมูกระทะ ก็จะเปิดให้บริการไปจนถึงเวลา 22.00 น. ร้านกาแฟคอฟฟี่เดอลา ทุกสาขาเปิดให้บริการถึง 18.00 น. ร้านยูบาร์ ผับ ปิดให้บริการไปก่อน ร้านเดอลาแจ๊ส มีการปรับการให้บริการเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว โดยการให้บริการร้านช่วงกลางคืนคงต้องปิดไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายกว่านี้ และจากการพูดคุยกันกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารด้วยกันพบว่าทุกร้านยังคงต้องปิดการให้บริการแบบนั่งทานมาเป็นให้บริการแบบเดอลิเวอรี่ และต้องแบกรับต้นทุนในเรื่องของค่าเช่าที่ส่วนใหญ่ไม่มีการลดราคาลง ขณะที่รายจ่ายทั้งพนักงานแม้จะมีการปรับลด แต่เมื่อเปิดร้านก็ต้องมีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆที่ต้องจ่ายประจำดังนั้นทุกร้านทนรอให้วิกฤติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้ผ่านไปและจะกลับมาให้บริการแบบนิวนอมอล กันอีกครั้งเพื่อคืนความสุขให้กับทุกคนเมื่อสถานการณ์ได้คลี่คลายลง