วงจรปิดจับภาพคนร้ายเป็นชายเดินมุ่งหน้าเข้าไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของแม่ค้าไส้กรอกหลบหนีไปอย่างลอยนวล ผู้เสียหายวอนนำโทรศัพท์มาคืนเพราะมีเอกสารข้อมูลต่างๆที่สำคัญอยู่ในนั้นจำนวนมาก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 2,000 บาท ให้พลเมืองดีแจ้งเบาะแสจนจับกุมได้
นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านขายไส้กรอกภายในตลาดสดเทศบาล 3 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บันทึกภาพเหตุการณ์คนร้ายเป็นชายสวมใส่เสื้อคอโปโลสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะสีดำ ดูลาดเลาเหยื่อขับรถจักรยานยนต์มาจอดริมถนน พอเหยื่อขับมาชายดังกล่าวก็รีบเดินออกมาทันที แล้วมุ่งหน้าไปที่รถโดยเดินสวนทางกับเหยื่อรายนี้เหมือนรู้ว่าเหยื่อมีทรัพย์สินอยู่ที่รถ เมื่อชายดังกล่าวเดินสวนทางเหยื่อไปถึงที่รถก็ลงมือก่อเหตุหยิบเอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรีบเดินเข้าไปภายในตลาด แล้วขับรถจักรยานยนต์เข้าตามซอกซอยอย่างชำนาญ ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าต้องเป็นคนในพื้นที่ที่คุ้นชินกับเส้นทาง
นางสาวณัฐปาริน จามะณี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 706/2 ม.4 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เจ้าของร้านไส้กรอกริมถนนราชธุรกิจตัดกับถนนสมาสบำรุง ในเมืองบ้านไผ่ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายขโมยเอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป (oppo reno1 10× zoom) ที่วางไว้ในช่องเก็บของของรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา และพาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่คนร้ายลงมือก่อเหตุพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ห้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองเป็นแม่ค้าขายไส้กรอกและเนื้อแดดเดียวชื่อร้าน ไส้กรอกแม่ต่างบ้านไผ่ อยู่ริมถนนในตลาดไนท์หรือตลาดเทศบาล3 ในเมืองบ้านไผ่ หน้าร้านเกียรติสิน มานานหลายปี รวมทั้งขายจิวเวอรรี่ทางออนไลน์ด้วย ในวันเกิดเหตุ หิวข้าว จึงขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อลาบมากิน และจอดรถไว้ที่ริมถนน จากนั้นก็รีบเดินกลับมาดูร้าน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือ จึงรีบไปดู ปรากฏว่าหายไปแล้ว จึงขอดูภาพจากวงจรปิดที่ร้านค้าต่างๆที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จนพบตัวคนร้ายและภาพหน้าตา ภาพทะเบียนรถที่ชัดเจน จึงนำหลักฐานทั้งหมด เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่ ให้ทำการสืบสวน จับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้
นางสาวณัฐปาริน กล่าวอีกว่า ซื้อโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวมาเกือบ สามหมื่นบาท นำมาถ่ายภาพสินค้า เพื่อโพสต์เฟซบุ๊กขายสินค้า เมื่อโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวหายไป ข้อมูลสินค้า และข้อมูลสำคัญต่างๆก็หายไปด้วย จึงฝากบอกคนร้ายว่าให้นำมือถือมาคืน ส่วนการแจ้งความจับนั้น ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับได้โดยเร็ว ซึ่งทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบชื่อที่อยู่ของรถจักรยานยนต์คันที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ จนทราบชื่อที่อยู่ของผู้ครอบครองแล้ว อยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งทราบจากเจ้าของรถว่าถูกบริษัทยึดรถจักรยานยนต์ไปนานแล้ว จึงไม่ทราบว่าใครเอาไปใช้ ตนในฐานะเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ประกาศมอบรางวัลนำจับให้พลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสให้ตำรวจตามจับคนร้ายได้ จำนวน2,000บาท
Leave a Response