นายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ กล่าวว่า พื้นที่ ต.พระลับ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำของแม่น้ำชีและแม่น้ำพอง ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำชีในเขตรอบต่อของ ต.ท่าพระ และ ต.พระลับ เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานที่ผ่านมาประมาณ 20 ซม. และจากการตรวจสอบระดับน้ำจากมาตรวัดน้ำพบว่ามีระดับน้ำที่สูงกว่า 60 ซม.จากระดับน้ำเดิมขั้นที่ 1 ตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ปริมาณน้ำจะยังไม่ไหลล้นตลิ่งหรือเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่แต่จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เทศบาลฯต้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำชี เตรียมอพยพออกนอกพื้นที่ โดยที่ในขณะนี้ได้จัดพื้นที่ทีปลอดภัยรับการอพยพประชาชน รวมไปถึงการเร่งวางแนวการริหารจัดกาน้ำ รวมไปถึงการประสานงานร่วมชลประทานเพื่อจัดการจราจรทางน้ำจากเขต อ.เมืองขอนแกน ให้ไหลเข้าสู่ จ.มหาสารคาม ตามเส้นทางน้ำที่กำหนดไว้ เพื่อรองรับปริมาณน้ำจาก จ.ชัยภูมิที่ไหลเข้าเขต จ.ขอนแก่น อย่าต่อเนื่องระยะนี้

          ขณะที่นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้มีการประสานงานร่วมสำนักชลประทานที่ 6 และโครงการชลประทานขอนแก่น ในการเร่งบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำชี ที่ต้องรับน้ำจาก จ.ชัยภูมิ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ขณะนี้ประตูระบายน้ำ ทุจุดและเขื่อนต่างๆ ตามแนวแม่น้ำชี ตั้งแต่ อ.โคกโพธิ์ไชย มาจนถึง อ.เมืองขอนแก่น ได้ถูกเปิดบานประตูทั้งหมดเพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างคล่องตัว เนื่องจากเส้นทางน้ำของแม้น้ำชีนั้นเมื่อถูกปล่อยออกจาก จ.ชัยภูมิจะผ่าน จ.ขอนแก่น-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ดและเข้าพื้นที่ จ.ยโสธร เพื่อลงแม่น้ำมูลและเชื่อมต่อสู่แม่น้ำโขง ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งการเปิดประตูระบายน้ำพร้อมกันทั้งหมดจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีนั้นเพิ่มระดับที่สูงขึ้น ซึ่งได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เฝ้ารับมือกับภาวะน้ำหนุนและการจัดหาพื้นที่ปลอดภัยหากจะต้องอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่รวมไปถึงการกำหนดแผนการรับมือในด้านต่างๆไว้พร้อมแล้วในภาพรวม

          “จากการตรวจสอบพบว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชี ขณะนี้ยังคงรองรับมวลน้ำที่ไหลท่วม จ.ชัยภูมิ ได้ไหลเข้าพื้นที่ขอนแก่นตามแผนการบริหาจัดการน้ำแล้ว ซึ่งส่วนที่ขอนแก่นจะได้รับนั้นคือที่เขื่อนชนบท ที่ขณะนี้ มีการเปิดประตูระบายน้ำครบทั้ง 6 บาน ซึ่งจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 323.56 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 27.96 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งเมื่อตรวจสอบอัตราการระบายน้ำพบว่ามวลน้ำจะถูกส่งต่อตามเส้นทางน้ำอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ ซึ่งจะทำให้พื้นที่ริมตลิ่งจะมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ ขณะเดียวกันเขื่อนมหาสารคาม ที่รองรับน้ำจากขอนแก่น ก็ได้มีการเปิดประตูระบาย้ำทั้ง 6 บาน ซึ่งจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 437.00 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ37.76 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และที่เขื่อนวังยาง ก็ได้มีการเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 6 บาน ซึ่งจะมี ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 489.68 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 42.31 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันและจุดสุดท้ายคือที่เขื่อนร้อยเอ็ด ที่ได้มีการเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 6 บาน ซึ่งจะมี ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 663.01 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ57.28 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน”