ชาวบ้าน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นำหลักฐานเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น อ้างว่าถูกหญิงรายหนึ่งบอกว่าเป็นร่างเทพแม่ศรีปทุมมา หลอกซื้อที่ดินหลุดจำนอง 300,000 บาท เพื่อขายต่อเอากำไรในราคา 500,000 บาท แต่สุดท้ายไม่ได้เงิน ไม่ได้ที่ดิน สูญเงินไป 300,000 บาท แจ้งความไกล่เกลี่ยก็ไม่ได้คืนโดยคู่กรณีระบุเกิดปัญหานิดหน่อยยังไม่สามารถคืนเงินให้ได้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น นางทองทิพย์ ตรีเมฆ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 180 ม.1 ต.วังสามัคคี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด นำเอกสาร หลักฐานต่างๆและภาพถ่าย เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ให้มีการประสานงานกับคู่กรณี เพื่อขอเงินจำนวน 300,000 บาทคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้เขียนคำร้อง และรับเรื่องไว้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นางทองทิพย์ ตรีเมฆ อายุ 55 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางครอบครัวต้องการขายที่ดิน ในพื้นที่ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น และที่ดินใน อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ เพื่อนจึงแนะนำให้รู้จักกับนายหน้าซื้อขายที่ดิน รายดังกล่าวซึ่งมี อายุ 65 ปี ชาว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างเทพของพญานาค เมื่อรู้จักกัน นางเทพก็ให้พาไปดูที่ดิน ที่ต้องการขาย ทั้งยังให้ปฏิบัติและนำสิ่งของบูชาพ่อแม่ บรรพบุรษ ไหว้ย่าศรีปทุมมา และปู่ศรีสุทโธ เพื่อให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ขายที่ดินได้เร็ว เมื่อสามีได้ยินจึงได้ทำตาม จากนั้นก็มีการติดต่อเรื่อยมา
ต่อมานางเทพได้แนะนำว่าจะหาเงินมาให้ใช้ แต่ต้องมีเงินทุน 300,000 บาท โดยการซื้อที่ดิน จำนวน 2 งาน ในพื้นที่ต.บ้นทุ่ม อ.เมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ดินที่ถูกจำนองไว้กับนายทุนเงินกู้ชื่อนางหมวย เมื่อซื้อออกมา ก็เอาไปขายต่อในราคา 500,000 บาท และเมื่อขายได้แล้ว จะคืนเงินให้ 400,000บาท แบ่งให้ตนอีก 50,000 บาท นางเทพได้ 50,000 บาท จากนั้นจึงได้บอกกับลูกสาว ลูกเขยที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯหาเงินมาหา ลูกๆจึงได้ยืมเงินมาให้ 300,000บาท จากนั้นตนกับสามีจึงนัดไปโอนที่ดินแปลงดังกล่าวกับนายทุนเงินกู้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2564 โดยมีนางเทพ กับนางหมวย นายทุนเงินกู้ เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวไปรอที่สำนักงานที่ดินเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพบเจอกัน นางเทพจึงบอกว่า จ่ายเงินแล้วยังไม่ต้องโอนที่ดิน เพราะจะทำให้เสียเงินค่าโอนหลายครั้ง เอาไว้โอนวันที่ขายต่อให้รายต่อไปครั้งเดียว ตนและสามีจึงทำตามคำแนะนำของนางเทพ โดยจ่ายเงินให้นางหมวยไปจำนวน 300,000บาท จากนั้นก็รับโฉนดที่ดินเอาไว้ และแยกย้ายกันกลับบ้าน ผ่านไปประมาณ 3 วัน นางเทพก็มาเอาโฉนดที่ดินจากสามีไป โดยนบอกว่าจะเอาไปขายต่อ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้คืนลูกๆและแบ่งเงินกันใช้ ด้วยความไว้วางใจจึงให้โฉนดที่ดินไป แต่เวลาผ่านไปหลายวัน ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สอบถามกับนายเทพเรื่องขายที่ดินก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ขอโฉนดที่ดินคืนก็ไม่ได้ ขอเงินคืนก็ไม่มี จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความจ้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ให้ประสาน นางเทพ และนางหมวย มาเจรจา เพราะจะเอาเงินคืน
ช่วงต้นเดือนมีนาคม ก็ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ออกหมายเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวหามาที่สภ.บ้านฝาง จึงให้มาเจรจากัน เมื่อเดินทางมาถึงสภ.บ้านฝาง ไม่พบนางเทพ พบเพียงนางหมวยและทนายความ 2 คน ซึ่งการเจรจา ตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากฝ่ายนางหมวยอ้างว่า ตนและสามีได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวในราคา 350,000บาท จ่ายเงินเพียง 300,000 บาท ยังค้างอีก 50,000บาท แล้วมีการโตเถียงกัน เรื่องจึงไม่จบแล้วแยกย้ายกันกลับ จากนั้นก็ยังไม่มีการติดต่อกันอีกเลย
นางทองทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังจากมีเรื่องถกเถียงกันที่วสภ.บ้านฝาง แล้วแยกย้ายกัน ก็ยังไม่มีการเจจรากันอีก ซึ่งทราบจากพนักงานสอบสวนว่า ได้ออกหมายเรียกคู่กรณีไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่3 จะเป็นการออกหมายจับ แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบหานเช่นเดิม จึงได้เดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้มีการเรียกคู่กรณีนำเงิน300,000บาทมาคืน ส่วนทางคดีก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านฝาง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
Leave a Response