คืบหน้าคดีลูกชายคลั่ง ต้องการขอเงินแม่ไปซื้อยาบ้าเสพ ใช้ด้ามเสียมตีเข้าซี่โครงแม่ ปาแม่กุญแจใส่แขนได้รับบาดเจ็บบวมช้ำเป็นวงกว้าง ล่าสุด พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำแม่เพิ่มเติม แม่ยืนยันดำเนินคดีลูกชายและวอนนำเข้าสู่การรักษาบำบัดให้หาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นางหนูเพียร ตรีศรี อายุ 60 ปี ให้ญาติพาเข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ เฉลิมแสน รองผกก.(สอบสวน) สภ.ชนบท เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีกับลูกชาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการี
นางหนูเพียร ตรีศรี อายุ 60 ปี กล่าวว่า ลูกชายทำร้ายร่างกายมาหลายครั้ง ล่าสุดเวลา 1 ทุ่ม วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ลูกชายใช้แม่กุญแจทุบตี ใช้ด้ามเสียมตี จนบาดเจ็บที่แขนขวาและซี่โครงขวา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว และช่วยนำเข้าสู่การบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้ด้วย เพราะถ้าปล่อยไว้กลัวลูกชายจะกลายเป็นคนบ้า เพราะลูกชายพูดคนเดียว คุยกับวัวก็ได้ คล้ายกับมีอาการทางจิตประสาท จึงต้องการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำลูกชายเข้าบำบัดรักษา เผื่อว่าเมื่อลูกชายได้รับยากินยาจะหายดีได้
พ.ต.ท.อนันต์ เฉลิมแสน รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ชนบท กล่าวว่า เมื่อวันที่ วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา นางหนูเพียร แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายคลั่งและทำร้ายร่างกาย จึงได้ควบคุมตัวนายชัยพิชิต ตรีศรี อายุ 28 ปี ลูกชายเอาไว้ และนำตัวมาตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ก็พบว่าเป็นสีม่วง จึงควบคุมตัวไว้ในข้อหาเสพยาเสพติด แต่ในส่วนของการทำร้ายร่างกายนั้นมารดาไม่เอาเรื่อง จึงไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่หลังจากควบคุมตัวลูกชายในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ 48 ชั่วโมงแล้วก็ส่งตัวไปสำนักงานคุมประพฤติ ซึ่งก็เป็นขั้นตอนที่ญาติต้องติดต่อกับสำนักงานคุมประพฤติ กระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาถูกปล่อยตัวออกมาและมารดาก็รับตัวกลับบ้าน
รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ชนบท กล่าวอีกว่า เมื่อลูกชายกลับมาอยู่บ้านก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมคือคุกคามมารดาและขู่ฆ่ามารดา มารดาจึงเกรงว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับลูกชาย จึงได้ชี้แจงรายละเอียดให้มารดาเข้าใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ใน 2 ข้อหาคือ พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน แต่ถ้ามารดาต้องการดำเนินคดีในความผิด พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว นั้นตามขั้นตอน จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมสอบสวน ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการีนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เมื่อมารดาแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ก็จะสอบปากคำมารดาและจะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาให้ทราบ และส่งผู้ต้องหาไปศาลภายใน 48 ชั่วโมง แต่ในส่วนของการบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติดนั้น เมื่อลูกชายรับโทษตามที่ศาลพิจารณาแล้ว มารดาและญาติสามารถทำเรื่องร้องขอ เพื่อนำส่งตัวลูกชายเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาล
ภายหลังทราบรายละเอียดและขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว นางหนูเพียร ตรีศรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายและทำความเข้าใจในขั้นตอนต่างๆตั้งแต่วันแรกที่มาแจ้งความปัญหาก็น่าจะจบไปแล้ว เพราะไม่มีการอธิบายอะไรๆเลย จึงทำให้ปัญหาเกิดขึ้นมาอีก เพราะไม่สามารถที่จะอยู่ที่บ้านได้ เนื่องจากลูกชายระราน ทำร้ายร่างกายตลอด จึงหนีไปอยู่บ้านคนอื่น อยู่ในทุ่งนา เพราะกลัวว่าจะถูกลูกชายฆ่า แต่วันนี้ฟังคำอธิบายจากรองผกก.สอบสวนแล้ว ทำให้เข้าใจขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเชื่อว่าลูกชายจะได้รับการบำบัดรักษา ให้หายขาดจากการติดยาเสพติดได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Leave a Response