ขณะที่ภายในวัดในหมู่บ้านดังกล่าวนั้น ซึ่งได้ใช้เป็นสถานที่พักพิงหนีน้ำท่วมชั่วคราว มีชาวบ้านในพื้นที่ต่างขนย้ายทรัพย์สิน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งสัตว์เลี้ยงมาอาศัยชั่วคราว เพราะบางคนที่ไม่ได้ไปอาศัยอยู่กับญาติก็ไม่มีที่จะสามารถไปได้ ส่วนคนที่มีกำลังทรัพย์หน่อยก็จะไปเช่าห้องเปิดโรงแรมชั่วคราว โดยบรรยากาศพบว่า ชาวบ้านหลายคนต่างเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหามุมที่มั่นใจว่าหากฝนตกในค่ำคืนนี้จะสามารถป้องกันทรัพย์สินไม่ให้ถูกฝนได้รับความเสียหายได้ โดยแต่ละครอบครัวจะมีการจัดโซนหุงหาอาหารภายในวัดหลายจุด

          จากการสอบถาม นางละเอียด แสนหล้า อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 บ้านหนองปลาเข็ง หมู่ 1 ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า มวลน้ำเริ่มเข้ามาเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา น้ำมาเร็วและแรง ไม่กี่ชั่วโมงก็เข้าท่วมในบ้านทั้งหมด ตนเองและครอบครัวรวม 5 คน ทั้งคนแก่และเด็กเคลื่อนย้ายทรัพย์สินต่างๆไม่ทัน เก็บได้แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด ก็ต้องปล่อยให้น้ำทะลักเข้าไปอย่างจำใจ ทั้งทรัพย์สินรถยนต์ก็ติดอยู่ในหมู่บ้าน และวันนี้ก็พบว่าฝนได้ตกลงมาหนักในพื้นที่ซ้ำอีก หลังคาศาลาวัดที่อาศัยจุดที่ตนเองนอนนั้นก็มีรอบรั่วน้ำหยดใส่ จึงได้พากันเคลื่อนย้ายหาจุดที่จะนอนหลบฝนในค่ำคืนนี้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้น้ำลดลงไปตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว และภาวนาไม่ให้ฝนตกซ้ำเพราะช่วงนี้พายุก็จะมาอีก คงจะต้องเดือดร้อนมากขึ้นอีก

          ด้าน นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูร นายกเทศมนตรีตำบลท่าพระ กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ปริมาณน้ำอยู่ที่ 11.30 เมตร ซึ่งเลยจุดวิกฤติมาประมาณ 1 เมตร โดยหมู่บ้านศุภาลัย น้ำเริ่มไหลเข้าหมู่บ้านสูงประมาณ 1 เมตรแล้ว จึงได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้มีการอพยพผู้คนออกมาให้หมด เพราะถ้าระดับน้ำสูงขึ้นอาจจะเป็นปัญหาในการอพยพและเป็นอันตรายต่อผู้ที่พักอาศัยอยู่ภายใน ซึ่งขณะนี้ยังพบว่ามีหลายคนที่ไม่ยอมทิ้งบ้านเพราะเป็นห่วงเรื่องทรัพย์สิน โดยทางกองอำนวยการฯ ได้ประสานงานกับนิติบุคคล โครงการฯ ให้ช่วยเร่งอพยพคนออกมาให้ได้มากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน เทศบาลตำบลท่าพระ ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังน้ำท่วม โดยให้นำทรัพย์สินไปอยู่ในที่สูงหรือที่ปลอดภัยแล้ว แต่เนื่องจากน้ำท่วมปีนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง ทำให้ประชาชนไม่ได้ทันระวังหรือเตรียมตัว ขณะนี้ถือว่าการอพยพประชาชนมากกว่าร้อยละ 90 แล้ว สำหรับประชาชนที่อพยพออกมาทางเทศบาลตำบลท่าพระ ได้จัดที่พักพิงชั่วคราวไว้ที่วัดท่าพระเนาว์ โดยมีที่นอนและอาหารไว้บริการ แต่หลายครัวเรือนไปพักอาศัยตามบ้านญาติ และเช่าโรงแรมพักอาศัยชั่วคราว

          จากการคาดการณ์วันนี้ระดับน้ำจะเป็นจุดที่พีคที่สุด ซึ่งหากอยู่ระดับ 1 เมตร จากจุดวิกฤตก็ยังไม่น่าห่วงมาก รอมวลน้ำที่จะลดลง และรอเวลาที่จะเข้าจัดการแก้ปัญหาในเรื่องของการเยียวยารวมถึงการฟื้นฟูต่อไป ส่วนเรื่องของการรับบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ทางเทศบาลตำบลท่าพระ มีการเปิดรับบริจาคผ่านทางช่องทางต่างๆ และประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง เพื่อขอรับบริจาคสิ่งของและข้าวสารอาหารแห้งเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด สิ่งที่จำเป็นขณะนี้คือ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และน้ำยาที่ใช้ฆ่าเชื้อน้ำ เพื่อให้ประชาชนได้อาบน้ำสะอาด