ตามคาด! จับพร้อมยาบ้า ตำรวจรวบหลานอาละวาดป้าหนีตาย (มีคลิป)

320130

ตำรวจ สภ.บ้านแฮดตามรวบหลานชายอาละวาดพังบ้านป้า จนป้ากับหลานสาวต้องปีนกำแพงหนีตายไปโผล่บ้านเพื่อนบ้าน ป้าเชื่อหลานไม่มีวันกลับตัวได้อยากให้ติดคุกไปตลอดเพราะออกมาก็ต้องอยู่แบบผวาเหมือนเดิม ผกก.สั่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายถึงบ้านเอาผิด 3 ข้อหาทั้งยาเสพติดและทำลายข้าวของ ขณะที่ผู้ต้องหาอ้าง โมโหญาติพี่น้องโกหกปกปิดเรื่องลูกเมีย

        ความคืบหน้าคดี นายอดิศร แน่นอุดร หรือก้อ อายุ 35 ปี ก่อเหตุถือจอบบุกบ้าน นางขุนทอง ลาดมี อายุ 66 ปี ชาว อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ และได้ใช้จอบที่นำมาด้วยทุบกระจกหน้าบ้านจนแตกละเอียดทั้งบ้าน แล้วตะโกนอาละวาดอยู่หน้าบ้าน จนป้าพร้อมหลานสาว วัย 15 ปี ที่อยู่ภายในบ้านต้องขวัญผวาพากันรีบหนีตายออกจากบ้านไปปีนกำแพงข้ามไปบ้านเพื่อนบ้านถึง 2 หลัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาคิดไปเองว่าญาติพี่น้องโกหกปกปิดเรื่องลูกเมียไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อหากัน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา และได้เข้าแจ้งความขอให้ตำรวจ สภ.บ้านแฮด ช่วยจับกุมตัวไปขังคุกนานๆเพราะก่อเหตุหลายครั้งต้องอยู่อย่างหวาดผวาทุกวัน

        ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ต.ค.2564 พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ โสภา ผกก.สภ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน ลงพื้นที่เกิดเหตุที่บ้านนางขุนทอง โดยได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายและคนในบ้านกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดังล่าวขึ้นประกอบสำนวนดำเนินคดีกับนายก้อตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ตำรวจได้มอบของเป็นข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มให้กับนางขุนทอง พร้อมทำความเข้าใจในเรื่องของขั้นตอนกฎหมายและการดำเนินการต่างๆของตำรวจ และชี้แจงกรณีที่ผู้เสียหายติดใจการทำงานของตำรวจเกี่ยวกับเรื่องเรียกรับเงินแล้วจะดำเนินคดีให้

        ซึ่งจากการพูดคุยระหว่างผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแฮด และผู้เสียหายรวมทั้งญาติพี่น้องต่างไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเข้าใจขั้นตอนต่างๆทั้งหมดแล้ว ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 คน คือป้าของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน พร้อมให้ชี้ตัวผู้ก่อเหตุจากภาพถ่าย เพื่อดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด ทำลายทรัพย์สินเสียหาย และการข่มขู่

        พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ โสภา ผกก.สภ.บ้านแฮด กล่าวว่า ภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา แต่นางขุนทองไม่ประสงค์ที่จะแจ้งความในเรื่องของความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ทุบกระจก ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวอันยอมความได้ จึงประสงค์แจ้งความไว้เป็นหลักฐานลงบันทึกประจำวันก่อน เนื่องจากเป็นหลานชายจึงไม่อยากดำเนินคดี แต่อยากให้ทางตำรวจช่วยไปว่ากล่าวตักเตือนหลานชายไม่ให้กระทำอีก แต่ทั้งนี้ทางตำรวจมองว่า ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นหลานชายอาจจะย้อนก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนออกสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ กระทั่งวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านแฮด สามารถติดตามตัวนายก้อ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวได้ที่หน้าโรงเรียนในหมู่บ้าน โดยตำรวจได้แสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้า 2 เม็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าข้างขวา และตรวจปัสสาวะพบเป็นฉี่ม่วง จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.บ้านแฮด

        จากการสอบสวนนายก้อ ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าเสพยาเสพติดมาก่อนหน้านี้และยาบ้าในกระเป๋ากางเกงเป็นของตัวเองจริง อีกทั้งยังยอมรับว่าได้ก่อเหตุทุบกระจกบ้านป้าตัวเอง 2 บาน ทำลงไปเพราะโกรธที่ญาติๆกีดกันไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ลูกเมียได้ติดต่อโทรหา ซึ่งภายหลังจากทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายคือป้าของคนก่อเหตุทั้ง 2 รายก็จะสอบปากคำพยานซึ่งเป็นบุคคลในบ้านและเป็นญาติและพยานอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ก็จะทำการสอบปากคำนายก้อ ผู้ถูกกล่าวหาและแจ้ง 5 ข้อหา ประกอบด้วย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , เป็นผู้ขับขี่รถ (จักรยานยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย , ทำให้เสียทรัพย์ และ ข้อหาความผิดฐานข่มขู่ผู้อื่นฯ ก่อนจะส่งฟ้องศาลฝากขังผัดแรกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

        ขณะที่นางขุนทอง ลาดมี อายุ 66 ปี ป้าผู้ก่อเหตุกล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกสบายใจโล่งใจขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ตำรวจจับตัวหลานชายไปดำเนินคดี หลังจากต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ตอนนี้กลัวหลานชายออกมาเร็ว เชื่อว่าออกมาตอนไหนก่อเหตุตอนนั้น ก่อเหตุเป็นนิสัยจนไม่สามารถกลับตัวกลับใจได้ เคยสาบานหลายครั้งจะกลับตัวก็ทำไม่ได้ ก่อเหตุมาตลอด โทษแต่คนอื่นว่าทำให้เมียพาลูกหนี ไม่เคยโทษตัวเอง หากหลานชายออกมาก็คงต้องพึ่งพาอาศัยตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ ตอนนี้หลังจากที่ผกก.สภ.บ้านแฮด มาพูดคุยก็ทำให้เข้าใจการทำงานตำรวจมากขึ้นและไม่ติดใจแล้ว

        ด้าน พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในคดีดังกล่าวนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นและท้องที่เกิดเหตุไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องทุกข์ชาวบ้าน หลังทราบเรื่องก็มีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกระทั่งจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ในส่วนเรื่องเงินที่ผู้เสียหายติดใจว่าต้องเสียเงินให้กับตำรวจเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จากการพูดคุยกับผู้เสียหายนั้น ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้แนะนำให้ไปพบกับตำรวจ ซึ่งตรวจสอบภายหลังทราบว่าเป็นตำรวจสายตรวจในโรงพัก และมีการพูดคุยเกี่ยวกับคดีแต่การดำเนินการเป็นช่วงนอกเวลาราชการ ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจึงเป็นการตกลงเรื่องของค่าน้ำมัน ทำให้การสื่อสารคลาดเคลื่อนเข้าใจผิดได้ และได้มีการอธิบายทำความเข้าใจจนผู้เสียหายและญาติเข้าใจและไม่ติดใจ

        ผบก.ภ.จว.ขก.กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ตนเองขึ้นมารรับตำแหน่งใหม่ ก็จะตระเวนไปมอบนโยบายตามโรงพักต่างๆ และจะมีการกำชับเน้นย้ำในเรื่องของการเรียกรับเงิน แม้จะตกลงกับผู้เสียหายแล้วแต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะผู้เสียหายมีความทุกข์จึงมาร้องทุกข์กับตำรวจให้ช่วยเหลือ ตำรวจทุกนายในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นจะต้องไม่ไปซ้ำเติมความทุกข์ของชาวบ้านเอง หากพบตำรวจคนไหนมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็จะให้ผู้กำกับแต่ละ สภ.ในจังหวัดขอนแก่นได้ดำเนินการไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขอนแก่น ป้าพร้อมหลานสาวปีนกำแพงหนีตาย หลานชายอาละวาด (มีคลิป)

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง