1 มิ.ย. 64 อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับโควิดระลอก 3” ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าโควิดระลอก 3 เกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก การที่ไม่คุมเข้มในช่วงสงกรานต์มีผลต่อการควบคุมการระบาด 2 ใน 3 พร้อมฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดต้องการฉีดไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และโมเดอร์นา ตามลำดับ ส่วนใหญ่รายได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ต้องการให้รัฐฉีดวัคซีนให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด ขอเงินเยียวยาเพิ่ม และลดรายจ่ายของรัฐที่ไม่จำเป็น โดยรวมมีความพึงพอใจปานกลางถึงน้อยที่สุดในการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐ
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพลเปิดเผยว่าการสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นคนอีสานต่อเหตุการณ์การระบาดของโควิด 19 ระลอก 3 ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ปี 2564 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2564 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,122 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยผลสำรวจเป็นดังนี้
เมื่อสอบถามว่า ท่านคิดว่าการระบาดของโควิดระลอก 3 เป็นเพราะสาเหตุใดเป็นหลัก พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 46.4 ชี้ว่าเกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก รองลงมา ร้อยละ 35.2 เกิดจากการทำงานของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก ร้อยละ 35.2 และร้อยละ 18.4 เกิดจากประชาชนบางส่วนที่ไม่มีวินัยเป็นหลัก
เมื่อสอบถามว่า การที่ไม่คุมเข้มในช่วงสงกรานต์มีผลต่อการควบคุมการระบาด มากน้อยเพียงใด พบว่า มีผู้ตอบว่ามากที่สุด ร้อยละ 18.7 ตอบว่ามาก ร้อยละ 30.5 ตอบว่าปานกลาง ร้อยละ 37.9 ตอบว่า น้อย ร้อยละ 9.3 และตอบว่า น้อยที่สุด ร้อยละ 3.5
เมื่อสอบถามว่า ท่านพร้อมจะฉีดวัคซีนหรือยังตามที่รัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 66.4 ตอบว่าพร้อมฉีดหรือฉีดแล้ว ขณะที่ ร้อยละ 33.6 ตอบว่ายังไม่กล้าฉีด
เมื่อสอบถามเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดว่า หากเลือกได้ท่านต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดมากที่สุด พบว่า อันดับหนี่ง ร้อยละ 46.9 เลือกไฟเซอร์ รองลงมา ร้อยละ 17.0 เลือก แอสตร้าเซนเนก้า ตามมาด้วย ร้อยละ 11.5 เลือก โมเดอร์นา ร้อยละ 9.4 เลือก จอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน ร้อยละ 8.5 ระบุอะไรก็ได้ที่รัฐจัดหาให้ ร้อยละ 3.1 เลือก ซิโนฟาร์ม ร้อยละ 1.9 เลือก สปุตนิก วี และร้อยละ 1.7 เลือก ซิโนแวค
เมื่อสอบถามว่า ช่วง เมษายนและพฤษภาคม รายได้ท่านหดหายไปประมาณเท่าใด เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.6 มีรายได้ลดลง โดยแยกเป็น ลดลงมากกว่า 50% คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.5 ลดลง 41-50% ร้อยละ 13.2 ลดลง 31-40% ร้อยละ 19.4 ลดลง 21-30% ร้อยละ 16.2 ลดลง 11-20% ร้อยละ 20.6 และลดลง 1-10% ร้อยละ 10.9 ขณะที่ร้อยละ 13.3 ตอบว่ารายได้เท่าๆ เดิม และมีเพียง 0.1% ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น
เมื่อสอบถามว่า ท่านต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษกิจช่วงโควิดอย่างไรมาก พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 48.1 ต้องการให้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด รองลงมา ร้อยละ 24.0 ขอให้แจกเงินเยียวยาเพิ่ม ตามมาด้วย ร้อยละ 10.1 ขอให้ลดรายจ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็น ร้อยละ 9.4 ช่วยให้มีการจ้างงาน ร้อยละ 4.5 ขอเงินกู้สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 3.1 ขอเงินกู้สำหรับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ และความเห็นอื่นๆ ร้อยละ 0.8
และสุดท้ายเมื่อสอบถามว่า ท่านพึงพอใจในการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้คะแนนอยู่ในช่วงปานกลางถึงพอใจน้อยที่สุด แยกเป็นพอใจปานกลางร้อยละ 38.6 พึงพอใจน้อย ร้อยละ 24.6 พึงพอใจน้อยที่สุด ร้อยละ 24.3 ขณะที่มีกลุ่มที่ให้คะแนน พึงพอใจมาก ร้อยละ 11.5 และพอใจมากที่สุด ร้อยละ 1.0
#
Leave a Response