สาวขอนแก่นโอดบ้านถูกน้ำท่วมครึ่งหลังมานานกว่า 10 วันทำข้าวของเสียหายไม่พอ ยังมาถูกมือดีขโมยต้นไม้ด่าง วอนอย่ามาซ้ำเติมแค่นี้ก็เสียหายพอแล้ว

        เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 ต.ค.2564 ที่บ้านเลขที่ 422/92 หมู่บ้านถาวร ถ.กลางเมือง ต.โนนตุ่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น น.ส.ปราณี ศรีวะรมย์ อายุ 29 ปี เจ้าของบ้านกำลังชี้ให้ผู้วื่อข่าวดูจุดที่ตัวเองได้ย้ายต้นไม้จำนวนหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือต้นถุงเงินถุงทองใบด่างที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดได้ถูกคนร้ายมาขโมยไป หลังจากความเสียหายของบ้านที่ถูกน้ำท่วมซ้ำเข้ามา ก็ถูกคนร้ายมาขโมยต้นไม้อีก จึงโพสต์ในโลกออนไลน์เพื่อวอนให้โจรเห็นใจนำมาคืน

        พร้อมระบุข้อความว่า “ขออนุญาตเว้าแนเถาะ(ขออนุญาตพูดหน่อย) น้ำท่วมบ้านครึ่งหลังกะพอแฮงแล้ว อุตส่าห์เก็บต้นไม้ขึ้นไว้เทิงโต๊ะเก็บไว้บนด่างโต๊ะ) กะยังพากันมาลักเอายุ จั่งแม่นเหยียบย้ำซ้ำเติมคนที่เขาเดือดร้อนคัก งึดใจพวกนี้แถ้ะ” ซึ่งภายหลังเจ้าของบ้านได้โพสต์ลงในโลกโซเชียลมีเดีย ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่าตอนนี้มีไม้ด่างเหมือนมีทองอยู่หน้าบ้าน และส่วนใหญ่ประณามคนที่มาขโมยว่าซ้ำเติมความเสียหาย

        น.ส.ปราณี เจ้าของบ้านเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่บ้านหลังดังกล่าว ตนเองพักอาศัยอยู่กับสามีและลูกวัย 7 ขวบ กระทั่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา น้ำจากลำน้ำชีได้เอ่อล้นเข้าที่พื้นที่ริมแม่น้ำชีและค่อยๆทะลักเข้าท่วมภายในหมู่บ้านของตนทั้งยังมีระดับที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตนและคนในหมู่บ้านรีบเก็บข้าวของออกไปไว้ในที่ปลอดภัย จนกระทั่งน้ำท่วมถนนหน้าบ้านสูงเกือบ 2 เมตรส่วนภายในบ้านสูง 1 เมตรไม่สามารถเดินทางเข้าทางเข้าออกได้ ต้องในเรือในการสัญจรเท่านั้น โดยจะเข้ามาดูบ้านวันเว้นวัน

        ซึ่งกว่าที่น้ำจะลดระดับลงสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลากว่า 10 วันจึงทำการขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้กลับเข้าบ้านพร้อมทำความสะอาดระหว่างขนย้ายได้นำต้นไม้มาวางไว้บนโต๊ะ จนกระทั่งมารู้อีกทีว่าต้นไม้ 1 ต้นซึ่งเป็นต้นไม้ด่างที่ซื้อมาเลี้ยงได้เพียง 2 เดือนได้หายไป และยังพบว่ามีเตาปิ้งย่างก็หายไปด้วย จึงคิดว่าน่าจะถูกโจรฉวยโอกาสตอนไม่มีคนอยู่บ้านช่วงน้ำท่วม เพราะแต่ละบ้านก็ทิ้งบ้านออกไปอาศัยอยู่บ้านญาตินอกพื้นที่หมด ไม่คิดว่าจะถูกมาซ้ำเติมสร้างความเสียหายไปอีก จึงอยากออกมาเตือนภัยให้ระมัดระวัง เพราะคนร้ายไม่คิดถึงว่าเราจะลำบากแค่ไหน เบื้องต้นไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดแค่อยากฝากเตือนเป้นอุทาหรณ์ให้มทุกคนระวังมากยิ่งขึ้น