เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ต.ค.2564 ภายในเขตเทศบาลเมืองมัญจาคีรี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ภายหลังจากมวลน้ำจากจ.ชัยภูมิได้หนุนเข้าท่วมตัวเมืองมัญจาคีรีซ้ำเป็นรอบที่ 2 หลังจากหมดพายุเตี้ยนหมู่ ก็เข้าสู่ พายุไลออนร็อก และมาต่อด้วย พายุคมปาซุ ลูกนี้ ซึ่งระดับน้ำอยู่ที่ 20-50 ซม. โดยเฉพาะในเขตศูนย์ราชการของอำเภอมัญจาคีรี ทั้งที่ว่าการอำเภอมัญจาคีรี สถานีตำรวจภูธรมัญจาคีรี กศน.อ.มัญจาคีรี ไปรษณีย์ ตลาดสด และหน่วยงานราชการรวมทั้งบ้านเรือนประชาชนก็ต่างถูกมวลน้ำไหลเข้าท่วม กระสอบทรายที่กั้นไว้ตั้งแต่พายุลูกที่ 1 ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ยังคงพบว่าระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

             จากการสำรวจความเสียหายและความเดือดร้อนพบว่า ในตัวอำเภอมัญจาคีรีเองก็ได้รับผลกระทบน้ำเข้าท่วมไปในบ้านเรือนโดยเฉพาะที่บ้านพักข้าราชการตำรวจ ภายใน สภ.มัญจาคีรี พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้เข้าเวรและภรรยาตำรวจต่างเคลียร์พื้นที่ในบ้านและรอบบ้านเนื่องจากมวลน้ำได้เข้าท่วมอีกครั้งเป็นรอบที่สอง บางห้องไม่มีคนอยู่เนื่องจากอพยพออกไปก่อนหน้านี้เพื่อหนีน้ำท่วม

             นางอรุณี โคตะเป อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 409/17 บ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.มัญจาคีรี ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า น้ำที่เห็นนี้เป็นน้ำที่มาจากจังหวัดชัยภูมิ เข้ามาท่วมเป็นรอบที่ 3 แล้ว ครั้งแรกประมาณปลายเดือนกันยายน ฝนตกน้ำท่วมสองวันน้ำก็ลด พื้นแห้ง จึงช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ผ่านไป 2 วันน้ำชีมา ก็ท่วมอีกเป็นครั้งที่สอง และเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 3 น้ำก็ไหลเข้ามาในบ้านอย่างต่อเนื่อง

             และเช้าวันนี้พบว่าระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอีก ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนจมอยู่ในน้ำเนื่องจากขนย้ายออกตั้งแต่น้ำมารอบแรกไม่ทัน โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา ตนเองยังได้ช่วยกันกับครอบครัวถูพื้นในบ้านเพราะน้ำแห้งไปแล้ว และกำลังจะขนย้ายตู้เสื้อผ้าที่ถูกน้ำท่วมจนเสียหายไปทิ้ง และจะเคลียร์บ้านเรียบร้อย ซึ่งตนเองและครอบครัวได้หลับนอนอยู่บนตึกของโรงพัก โดยทาง พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี ได้ใช้ห้องของตึกโรงพักชั้น 3 และ ชั้น 4 เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจในสังกัดซึ่งมีอาศัยอยู่ในบ้านพักฯรวมกว่า 30 ครอบครัว

             บางคนก็ย้ายไปอยู่กับญาติพี่น้องชั่วคราวทิ้งทรัพย์สินบางส่วนไว้โดยเก็บขึ้นที่สูง บางส่วนไม่มีที่ไปก็จะอาศัยหลับนอนอยู่บนตึกโรงพักที่ผู้กำกับฯอนุญาตให้พักอาศัยชั่วคราวบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ไปก่อน ซึ่งถามว่าลำบากไหมก็ลำบากแต่ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราก็ทำได้แค่บอกตัวเองว่าสู้ๆและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมสู้ๆเช่นกัน