ขอนแก่น ครูร้องถูกมิจฉาชีพเอาภาพไปสร้างเฟซหลอกหลายของสินค้า ผู้เสียหายกว่า500คน

สองข้าราชการครูพร้อมผู้เสียหายชาวจังหวัดขอนแก่น หอบหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจไซเบอร์ หลังถูกมิจฉาชีพนำภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กและข้อมูลส่วนตัว ไปสร้างเฟซบุ๊กปลอมแล้วไปหลอกขายสินค้าทางออนไลน์ มีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ กว่า 500 คน มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

          ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายทรงฤทธิ์ แก้วพรม พร้อมด้วย นางสาวธันยกานต์ ใจบุญ สองสามีภรรยาซึ่งเป็นข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น และนางสาวศิริพร แซ่ซิ้ม ชาวอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น นำหลักฐานเป็นสำเนาใบแจ้งความความลงบันทึกประจำวันที่รวบรวมได้จากผู้เสียหายรายอื่นๆ จำนวน 11 แผ่น , ภาพหน้าโปรไฟล์เฟซบุ๊กที่ถูกมิจฉาชีพนำเอาภาพไปสร้างเฟซบุ๊กปลอม กว่า 30 บัญชี, หลักฐานการสนทนาทางเฟซบุ๊ก และรายชื่อของผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 100 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมพงษ์ บัวหอม สารวัตรสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 หลังถูกมิจฉาชีพ นำเอาภาพโปรไฟล์ และภาพถ่ายอื่นๆ ในเฟซบุ๊ก รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวไปสร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่ แล้วนำไปหลอกขายสินค้าทางออนไลน์ แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้ว กลับไม่ได้รับสินค้า ทำให้ผู้เสียหายที่มีอยู่กว่า 500 คนทั่วประเทศ เข้าแจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพรายนี้ โดยเข้าใจว่า ผู้ที่หลอกขายสินค้านั้น คือ นายทรงฤทธิ์ และนางสาวธันยกานต์ ซึ่งทั้งคู่รับราชการครูอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น

          นายทรงฤทธิ์ ผู้ถูกแอบอ้าง เล่าว่า เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ที่มิจฉาชีพรายนี้ ได้นำเอาภาพโปรไฟล์และข้อมูลของนางสาวธันยกานต์ ภรรยา ไปสร้างเฟซบุ๊กแล้วหลอกขายสินค้าให้กับเหยื่อที่หลงเชื่อทางเฟซบุ๊ก โดยสร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่มากกว่า 30 บัญชี โดยทุกบัญชีภาพโปรไฟล์ที่ใช้คือภาพของนางสาวธันยกานต์ และชื่อเฟซบุ๊กที่ใช้จะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น คุณครู เปิ้ล, คุณครู ชนบท และชนบท คุณครู เป็นต้น โดยมิจฉาชีพรายนี้จะสร้างความน่าเชื่อถือโดยการเข้ามาโหลดเอาภาพและข้อมูลที่นางสาวธันยกานต์ โพสต์ในเฟซบุ๊กที่เปิดเป็นแบบสาธารณะ ไปโพสต์ในเฟซบุ๊กปลอมที่สร้างขึ้นมา ทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อตัดสินใจซื้อขายสินค้ากับมิจฉาชีพรายนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท ชุดเครื่องนอน และจักรยานไฟฟ้า มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท โดยการซื้อขายจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 30 บัญชี ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่า ทางธนาคารฯ เปิดบัญชีให้กับคนๆนี้จำนวนมากได้อย่างไร แต่ชื่อเจ้าของบัญชีคือคนๆ เดียว ทราบชื่อคือ “นางสาวพัชริดา” เมื่อผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าให้แล้ว ก็จะบล็อกเหยื่อไม่ให้ติดต่อได้ทันที

          ที่ผ่านมามีผู้ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ ผู้เสียหายมีการตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อตามล่าตัวนางสาวพัชริดา ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นนางสาวธันยกานต์ ภรรยาของตนเอง มีการนำภาพของภรรยาไปโพสต์ประจาน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก มีการโทรศัพท์มาด่าทอว่าเป็นคนโกง หนักสุดถึงขั้นตนเองและภรรยาถูกตั้งค่าหัวข่มขู่เอาชีวิตก็มี ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองและภรรยาต้องอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะมีคนเข้าใจผิดมาทำร้าย และต้องคอยรับโทรศัพท์คนที่โทรมาด่าทอเพราะเข้าใจผิดวัน ยิ่งรับราชการครูด้วยแล้วยิ่งทำให้เกิดความเสียหาย

          ด้านนางสาวศิริพร หนึ่งในผู้เสียหายชาวอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งตกเป็นเหยื่อถูกหลอกขายสินค้า กล่าวว่า ตนเองก็ประกอบอาชีพขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว จึงได้ค้นหากลุ่มซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อหาสินค้าที่จะสามารถนำมาขายเพื่อเก็งกำไรได้ เพราะต้องการหาเงินไว้เป็นค่าพยาบาลในการคลอดลูก จึงได้ไปพบกับเฟซบุ๊กชื่อ “คุณครู ชนบท” ที่มีการลงขายชุดผ้านวม เมื่อเข้าไปดูโปรไฟล์และความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก ก็เห็นว่าน่าเชื่อถือ เป็นข้าราชการครู จึงได้ทักแชทไปสอบถาม ซึ่งก็มีการพูดจาดี รวมทั้งได้นำชื่อเฟซบุ๊ก ไปค้นหาประวัติ ก็ไม่พบว่า มีการฉ้อโกง จึงตัดสินใจเลือกซื้อชุดผ้านวมที่ต้องการ โดยได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น โดยเจ้าของบัญชีชื่อ “พัชริดา” โดยโอนครั้งแรกในวันที่ 13 ตุลาคม 64 จำนวน 1,200 บาท และวันที่ 14 ตุลาคม 64 อีกจำนวน 580 บาท รวมเป็นเงิน 1,780 บาท ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กบอกว่า จะส่งสินค้าให้วันนี้ ต่อมาตนเองจึงได้ขอเลขพัสดุ แต่กลับถูกบล๊อคเฟซบุ๊กทันที ทำให้ตนเองรู้ว่าถูกหลอกแน่นอน จึงได้พยายามสืบค้นหาว่า ผู้หญิงที่อยู่ในภาพเฟซบุ๊กเป็นใคร กระทั้งมาทราบภายหลังว่า มิจฉาชีพได้นำภาพและข้อมูลไปแอบอ้าง

          นางสาวศิริพร กล่าวอีกว่า แม้จำนวนเงินที่ตนเองโอนไปจะไม่มาก แต่ก็เป็นเงินที่ตั้งใจนำมาลงทุนเพื่อเก็บไว้เป็นเงินค่าพยาบาลในการคลอดลูก แต่กลับถูกมิจฉาชีพโกงไป และหากนับจำนวนเงินที่ผู้เสียหายสูญไปนั้นก็ไม่ต่ำกว่าล้านบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ และมิจฉาชีพรายนี้ก็ยังคงใช้วิธีนี้หลอกเหยื่อจนถึงวันนี้

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง