ขอนแก่น น้ำชีเก่ายังไม่หมด น้ำใหม่มาอีก กัดเซาะถนนขาด! ชาวบ้าน700หลังเดือดร้อนหนักใกล้เปิดเทอม (มีคลิป)

น้ำชีล้นตลิ่ง ทะลักรวมหนองกองแก้ว กัดเซาะถนนขาด พนังดินขาด ชาวบ้านร่วม 700 หลังคาเรือน 6 หมู่บ้าน เดือดร้อนหนัก และใกล้จะเปิดเทอมแล้ว เด็กๆต้องใช้เส้นทางนี้ในการสัญจรทางเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างสะพานข้ามจุดที่ถูกน้ำกัดเซาะถนนขาดทั้งหมด

           เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2564 นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท จ.ขอนแก่น และนายวรโชติ กล่อมจิต ปลัด อบต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น พร้อมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันนั่งเรือลงพื้นที่สำรวจถนนและพนังดินกั้นน้ำชีกับหมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบบศรีบุญเรือง ตำบลชนบท และหนองกองแก้ว หลังจากมวลน้ำจากจังหวัดชัยภูมิไหลมาลงที่ลำน้ำชี จนทำให้น้ำชีล้นตลิ่ง เอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและท่วมหมู่บ้าน รวมถึงไหลเข้าในหนองกองแก้ว น้ำจากหนองกองแก้ว เอ่อล้นคันคูกั้น น้ำทะลักซัดถนนพังทั้งสาย ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านเกือบ 700 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดจากภายนอก เนื่องจากเข้าออกหมู่บ้านไม่ได้

         ซึ่งจากการนั่งเรือตรวจสอบถนนทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งหมด 6 หมู่บ้านคือท่าม่วงม.5 ม.11 ม.12 และบ้านหนองหวาย ม.6 บ้านกุดหล่ม ม.7 บ้านวังเวิน ม.8 ถูกตัดขาดเพราะถนนขาด ไม่สามารถใช้รถสัญจรไปมาได้มาร่วม 1 เดือนแล้ว พบว่าถนน ถูกน้ำในหนองกองแก้วทะลักกัดถนนขาด รวม 4 ช่วงๆละ 30-100 เมตร นอกจากนี้ยังพบว่า น้ำจากลำน้ำชีที่เอ่อล้นตลิ่ง ทะลักท่วมพื้นที่การเกษตรและกัดเซาะคันดินที่เป็นคันคูกั้นน้ำขาด 3 ช่วงๆละ 30-50 เมตร น้ำไหลเชี่ยวแรง อยู่ในพื้นที่บ้านท่าข่อย ม.5 และ ม.13 ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยในพื้นที่ของบ้านท่าข่อยนั้น อบต.ชนบทได้ให้ช่างมาทำการสร้างสะพานเหล็กขนาดความยาวประมาณ 20 เมตร กว้าง 1 เมตร และเมื่อทำเสร็จในจุดแรกก็จะไปทำที่จุดที่ 2 และ3 ต่อไป

         นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท กล่าวถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า ในพื้นที่อำเภอชนบทนั้น ถูกน้ำท่วมในปีนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงปลายเดือนกันยายน และในขณะที่น้ำกำลังลดลง ก็มีมวลน้ำจากชัยภูมิไหลลงมาสมทบอีก ทำให้น้ำชีล้นตลิ่ง เอ่อเข้ามาในพื้นที่ผสมกับน้ำตามธรรมชาติ จนน้ำท่วมหมู่บ้าน ท่วมพื้นที่การเกษตร ประชาชนจำนวน 6 หมู่บ้านถูกตัดขาดจากภายนอก ถูกตัดไฟฟ้า น้ำประปาก็ใช้ไม่ได้มาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ต้องหาเรือมาใช้สัญจรข้ามน้ำ ซึ่งก็มีระยะทางไกลประมาณ 5 กม. ทาง อบต.ศรีบุญเรืองและอำเภอชนบท ได้ร้องขอความช่วยเหลือจาก ปภ.จังหวัดขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเรือมาช่วยชาวบ้าน นำถุงยังชีพมาช่วยชาวบ้าน ซึ่งได้เรือจาก อบต.ศรีบุญเรือง ได้เรือจากปภ.จ.ขอนแก่น รวมทั้งหมด 6 ลำ มารับส่งชาวบ้านใน 6 หมู่บ้าน

         นายอำเภอชนบท กล่าวอีกว่า ในส่วนของถนนสายศรีบุญเรืองไปบ้านท่าม่วงและอีก 5 หมู่บ้านขาดนั้น ได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเรื่องแล้ว ปภ.และชลประทานลงมาตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถซ่อมแซมหรือนำสะพานแบริ่งมาลงได้ เพราะน้ำไหลเชี่ยวและแรงมาก จึงต้องระงับการซ่อมแซมเอาไว้ก่อน รอน้ำแห้งจึงจะพิจารณาการซ่อมแซมถนนขาดอีกครั้ง ในขณะที่ในพื้นที่บ้านท่าข่อย ตำบลชนบทนั้น ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ร่วมกันสร้างสะพานเหล็กขึ้นมาให้ชาวบ้านได้ใช้รถจักรยานยนต์ และเดินข้ามได้ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จก็น่าจะบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้

นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท
นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท

         ในขณะที่ นายวรโชติ กล่อมจิต ปลัด อบต.ศรีบุญเรือง กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่ อบต.ต้องเตรียมความพร้อมคือ การเลือกตั้ง นายกและ ส.อบต.ที่กำลังจะมาถึง ถ้าปริมาณน้ำลด ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา แต่ถ้าปริมาณน้ำยังสูงอยู่เช่นนี้ เกรงว่าชาวบ้านจะไปใช้สิทธิ์ลำบาก แต่จากการพูดคุยกับชาวบ้านต่างก็มีความพร้อมในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเป็นอย่างดี เพราะในพื้นที่หมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมนั้น ยังมีพื้นที่สูง ที่สามารถตั้งหน่วยเลือกตั้ง ให้ชาวบ้านไปใช้สิทธิ์ได้ และใช้เรือขนหีบบัตร นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมความพร้อมในด้านการเดินทางให้นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังใกล้จะเปิดเทอม เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง โดยจะหาเรือมาเพิ่ม เพราะเชื่อว่าช่วงเช้า ที่จะเดินทางไปเรียนหนังสือนั้น เรือที่รับส่งต้องตรงเวลา ซึ่งขณะนี้ อบต.ศรีบุญเรืองได้เตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวไว้เป็นอย่างดีแล้ว

         ในส่วนของถนนที่ขาดหลายช่วงนั้น เนื่องจากว่าน้ำชีที่มีปริมาณน้ำมาก และสูงเอ่อล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน และเข้าไปรวมกับน้ำในหนองกองแก้วที่มีจำนวน 7,900ไร่ ที่มีน้ำตามธรรมชาติอยู่เต็ม เมื่อมวลน้ำชีไหลมาสมทบ น้ำก็ล้นหนองกองแก้ว กัดเซาะถนนขาดทะลักท่วมในพื้นที่การเกษตรและหมู่บ้านมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยอบต.ได้นำเรือเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านทันที ช่วยขนย้ายสัตว์เลี้ยงไปไว้ตามจุดที่ทางอำเภอกำหนดไว้คือพื้นที่สาธารณะโคกหินขาว และโคกหนองไผ่ ซึ่งมีชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงทั้งโค กระบือ ไปเลี้ยงไว้ ส่วนผู้สูงอายุ และคนป่วยติดเตียงนั้น ญาติพี่น้องช่วยกันดูแล รวมทั้งมี รพ.สต. จำนวน 2 แห่งที่คอยเดินทางเข้าไปดูแลผู้ป่วยและคนชรา

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง