“บิ๊กป้อม” เตรียมประชุมใหญ่ พปชร.ที่ขอนแก่น ขณะที่ “ธรรมนัส” พร้อมนั่งตำแหน่งเลขาฯพรรค หากสมาชิกให้การสนับสนุน ยืนยันไม่มีปัญหากับ “อนุชา” เพราะทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรค และจากนี้ไปพรรคไม่มีกลุ่มมีก๊วนแน่นอน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. 2564 ที่หน้าที่ว่าการ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ได้กำหนดจัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีคณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมไปถึง ส.ส.ในพื้นที่ อาทิ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำประชาชนที่ได้เอกสารสิทธิ์ดังกล่าวเข้าร่วมรับมอบหนังสืออนุญาต รวมกว่า 300 คน ท่ามกลางมาตรการควบคุมตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจาก สถานการณ์โควิด-19 อย่างเข้มงวด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ต้องขอสัญญาใจกับชาวขอนแก่น ทั้ง 300 คนที่ได้รับมอบเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวว่าอย่านำไปจำนองหรือจำหน่ายอย่างเด็ดขาด เพราะเอกสารสิทธิ์ที่ได้รับในวันนี้จะเป็นโฉนดทองคำที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโฉนดได้ในอนาคตที่จะสามารถส่งต่อลูกหลานได้ ซึ่งจากการพูดคุยพบว่าเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าวนั้นได้ทำการเกษตรแบบผสมผสาน และเกษตรทฤษฎีใหม่จนกลายเป็นรายได้หลักที่สำคัญของครอบครัว ขณะเดียวกันยังคงพบว่าในพื้นที่ อ.ซำสูง-น้ำพอง-กระนวน และ อ.เมืองขอนแก่นบางส่วน ที่มารับมอบเอกสารครั้งนี้นั้นปัญหาในเรื่องแหล่งน้ำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะหน้าแล้งที่ขาดแคลนน้ำภาคการเกษตรรวมไปถึงการอุปโภคและบริโภคจึงได้เน้นย้ำให้ ส.ส.พื้นที่ ประสานงานร่วมจังหวัดและกระทรวงฯที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาและกำหนดแผนงานที่ชัดเจนเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาในภาพรวมที่ยั่งยืนต่อไป
“ปัจจุบัน สำนักงานการปฎิรูปที่ดินขอนแก่นมีพื้นที่ ตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฎิรูปที่ดิน จำนวน 1,090,300 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 120 ตำบล 25 อำเภอโดยได้มีการจัดที่ดินและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ไปแล้ว จำนวน 65,206 รายรวมกว่าพื้นที่ 739,482 ไร่ ขณะที่ในปีนี้ ส.ป.ก.ขอนแก่น ต้องเร่งดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ตามขั้นตอนของกฎหมายให้กับเกษตรทั้งที่ดินทำกินและที่ดินชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 780 ราย รวมพื้นที่ 8,063 ไร่ และในวันนี้ได้ทำการมอบเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกร รวม 300 ราย โดยได้มีการพูดคุยกับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกให้มาในรูปพืชเศรษฐกิจ ทั้งกระชายดำ กระชายขาว ขมิ้น กัญชง หรือฟ้าทะลายโจร ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในระยะนี้อย่างมาก”
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่ออีกว่า ในการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) วาระสำคัญคือเรื่องของการแถลงงบดุลประจำของพรรคและปิดงบดุลประจำปีแต่ก็จะมีในวาระอื่นๆ ซึ่งท่านหัวพรรค คือท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะได้มอบนโยบายให้กับสมาชิกตัวตนเอง ว่าจะกำหนดแนวทาง นโยบายหรือทำอะไรต่อไป
“ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนและค่อนข้างชัวร์แล้วว่าจะมีการปรับเปลี่ยนและมีการเลือกตั้งใหม่ของพรรค ส่วนการจะเสนอชื่อ ตนเอง เข้ารับตำแหน่ง เลขาธิการพรรค หรือ ตำแหน่งใดๆนั้นจะต้องเป็นความเห็นและการดำเนินงานของสมาชิกพรรค เพราะหากมีการเสนอชื่อขึ้นมาแล้วนั้นก็ต้องดูต่อไปว่าสมาชิกพรรคจะเลือกหรือไม่ ซี่งถ้าพี่น้องสมาชิกพรรคพลังประชารัฐให้ความไว้วางใจและเลือกผมนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรค ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด “
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองจะมองว่าพรรคพลังประชารัฐของเรานั้นเป็นพรรคเฉพาะกิจ ซึ่งขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ หัวหน้าพรรค เราไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ และมีนโยบายที่จะปรับแผนในการสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งตอนนี้พรรคได้วางแผนในหลายเรื่อง ซึ่งที่ประชุมใหญ่ของพรรค เป็นการกำหนดทิศทางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจอีกต่อไป จะเป็นสถาบันการเมืองที่มีความมั่นคง
“การปรับเปลี่ยนนั้นไม่ใช่ความขัดแย้ง ท่าน พล.อ.ประวิตร ได้เข้าสู่วงการการเมือง และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาปีกว่า ท่านเห็นอะไรมาเยอะ ที่ผ่านมาท่านดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ดำรงตำแหน่งที่สำคัญมาอย่างมากมายท่านมองออกว่าอะไรควรที่จะทำควรที่จะปรับในพรรคของเรา และหลังจากพรุ่งนี้ไปแล้วพรรคของเราจะไม่มีกลุ่ม ไม่มีก๊วน เราคือครอบครัวพลังประชารัฐ และขอยืนยันว่าส่วนตัวผมกับพี่แฮงค์ หรือ ท่านอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความสนิทสนมส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่มีปัญหากับพี่แฮงค์ และผมไม่มีปัญหากับใคร แต่สื่อออกมาว่าเรามีปัญหากันเรื่องนี้นั้นไม่จริง เราคือพี่น้องกัน ขณะที่การประชุมใหญ่ของพรรคพรุ่งนี้แม้หลายพรรคจะมองว่าเป็นการประกาศความชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐจะเน้นหนักในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.มากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าทุกพรรคมียุทธศาสตร์ในลักษณะเช่นนี้เช่นเดียวกันและจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
Leave a Response