ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ตามรวบ 2 โจรลักตัดสายสัญญาณสื่อสารโทรคมนาคมเอาทองแดงไปตระเวนขายตามร้านรับซื้อของเก่า พบประวัติถูกจับมาแล้ว 2 ครั้งแต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มิ.ย.2564 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะฯ ประกอบด้วย นายเอกชัย สาริยะ อายุ 31 ปี ชาวบ้านหนองนาคำ ม.3 ต.ภูเขาทอง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด และนาย เดชณรงค์ เกตเสนา อายุ 20 ปี ชาว บ้านหนองใหญ่ หมู่ 6 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง สายส่งสัญญาณสื่อสาร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว ยาวประมาณ 9 เมตร สายส่งสัญญาณสื่อสารแบบปลอกฉนวนออกแล้ว น้ำหนักรวม 20 กิโลกรัม อุปกรณ์สำหรับการก่อเหตุทั้งกรรไกร คีมตัดสายไฟ มีดอีโต้ ถุงกระสอบปุ๋ยขนาด 50×100 เซนติเมตร และรถจัรกยานยนต์พ่วงข้างยี่ฮ้อฮอนด้า เวฟ สี ดำ-แดง หมายเลขทะเบียน คจต 38 ขอนแก่น
พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยการจับกุม 2 ผู้ต้องหาในครั้งนี้ว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คนกำลังลักลอบตัดสายไฟอยู่ที่ริมถนนโพธิสาร หน้าวัดโพธิ์ บ้านโนนทัน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่สายตรวจจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบสายส่งสัญญาณ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้วถูกตัดขาดเป็น 2 ท่อน ยาวประมาณ 9 เมตร ห้อยลงมาข้างทาง แต่ไม่พบผู้ก่อเหตุ จึงได้สอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบว่า คนร้ายทั้ง 2 คนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีไป โดยมุ่งหน้าไปทางวัดสว่างโนน เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันติดตามจับกุมตัวคนร้าย กระทั่งขับรถไล่ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีบนถนนฉิมพลี ซอยหลังหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง พบชายต้องสงสัยยืนอยู่ริมถนน และมีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างจอดซุกซ่อนอยู่ในโพงหญ้าใกล้กัน พร้อมกับพบชายอีกคนนั่งหลบอยู่ข้างรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จึงขอตรวจค้นก็พบของกลางดังกล่าว จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมือง ขอนแก่น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุตัดสายสัญญาณจริงและทำเป็นครั้งแรก โดยนำทองแดงไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า กิโลกรัมละ 200 บาท ครั้งนี้ได้ไปทั้งหมดประมาณ 20,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบประวัติพบว่า นายเดชณรงค์เคยถูกดำเนินคดีลักสายสัญญาณสื่อสารมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้กลับออกมาก่อเหตุอีกครั้ง หลังสอบสวนเสร็จจึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมต่อไป
Leave a Response