ตำรวจยังคงเร่งล่าตัวโจรชิงทองให้ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองขอนแก่น ได้ทองรูปพรรณไปทั้งสิ้น 8 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวม 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท หลบหนีลอยนวล ใครพบเห็นแจ้งเบาะแสจนจับได้รับเงินสดจากตำรวจทันที 50,000 บาท
ความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุชิงทองในร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยคนร้ายแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้าถือ ปืนแบลงค์กัน ขนาด 9 มม. เข้ามาในร้านทอง ก่อนจะไปคว้าเอาทองรูปพรรณเป็นสร้อยข้อมือน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 11 เส้น วิ่งออกจากร้านหลบหนีไปโดยได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัดเพื่อเปิดทาง โดยได้ทำทองหล่นและมีคนนำมาส่งคืนให้ ทำให้คนร้ายได้สร้อยข้อมือทองคำไปทั้งสิ้น 8 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวม 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล ขณะที่กล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายวิ่งหลบหนีตั้งแต่ในห้างจนกระทั่งผ่านหน้าสถานีรถไฟขอนแก่นไป เมื่อค่ำวันที่ 20 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้ากับ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ โฆษกตำรวจภูธรภาค4 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในทางคดีนั้นมีความคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เบื้องต้นหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้วางแผนการติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพได้ว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายไม่ใช้ยานพาหนะในการหลบหนี โดยได้วิ่งออกจากห้างไปทางศาลหลักเมือง ถ.ศรีจันทร์ แล้วไปทางสถานีรถไฟ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ และทางตำรวจพอจะทราบเส้นทางของคนร้ายรายนี้แล้ว โดยคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ในส่วนเบาะแสต่างๆที่ได้รับแจ้งมานั้น ทั้งท่าทางการเดิน บุคลิกต่างๆ ทุกเบาะแสทางตำรวจได้ส่งทีมลงพื้นที่ไปพิสูจน์ทราบทั้งหมดเช่นกัน โดยหากพลเมืองดีท่านใดพบเห็นหรือมีเบาะแสแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การจับกุม ทางตำรวจมีเงินรางวัลนำจับให้ 50,000 บาท
นอกจากนี้จากการตรวจสอบวิธีการของคนร้ายนั้นเชื่อว่าไม่ใช่มืออาชีพ แต่มีการเตรียมการมาก่อนเป็นอย่างดี และหลังก่อเหตุก็ใช้วิธีเดินเท้า ไม่ได้ถอดชุดวิ่งหลบหนีไปจนสุดพิกัดที่ตำรวจตรวจสอบพบ ทั้งนี้แม้ว่าจะยังจับโจรรายนี้ไม่ได้ แต่ทางคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก คาดว่าจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เร็วๆนี้ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยหลังสอบปากคำยังไม่พบส่วนเชื่อมโยงกับคดี พร้อมส่งตรวจหาDNAเปรียบเทียบในที่เกิดเหตุโดยยังไม่ตัดกลุ่มบุคคลใดทิ้งไป ซึ่งจะต้องตรวจสอบทั้งหมด และทางตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ส่งฟ้องศาลข้อหาเสพยาเสพติดหลังตรวจพบว่าเป็นฉี่ม่วงหลังถูกจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าขณะนี้ที่ห้างกลับมาเปิดบริการปกติตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง พนักงานทุกคนใช้ชีวิตปกติอาจมีตกใจกับเหตุการณ์ข้างสำหรับคนที่อยู่ใกล้ แต่ส่วนใหญ่แล้วถือว่าไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกค้าก็เข้ามาใช้บริการแน่นตามปกติเหมือนทุกวัน
ซึ่งพฤติการณ์ของคนร้ายรายนี้ เริ่มจากเดินเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าโดยสวมหมวกไอ้โม่งสีดพปกปิดใบหน้า พร้อมทั้งถือถุงพลาสติกสีขาวซึ่งข้างในมีอาวุธปืนแบลงค์กันอยู่ในถุง เมื่อถึงร้านทองคนร้ายได้หยิบปืนออกมาจากถุงชูขึ้นฟ้า เดินเข้ามาในร้าน แต่เป็นช่วงที่พนักงานให้บริการลูกค้าเต็มทุกคนจนไม่ทันได้สังเกตเห็นคร้ายเข้ามา ก่อนที่คนร้ายจะเดินไปตรงเข้าเตอร์ร้านทองเผชิญหน้ากับพนักงานหญิงของร้านทอง แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ซึ่งเป็นลูกกระสุนปืนแบลงค์กัน ขนาด 9 มม. ไม่มีหัวกระสุน ทำให้ทั้งลูกค้าและพนักงานวิ่งหลบหนีแตกกระเจิง แล้วคนร้ายจึงปีนขึ้นไปคว้าเอาสร้ายข้อมือทองคำถาดน้ำหนักละ 3 บาท จำนวน 11 เส้น วิ่งหลบหนีพร้อมกับยิงขึ้นฟ้าเปิดทางอีก 1 นัดแล้วลงบันไดเลื่อนไปยังชั้น 1 ของห้าง แล้วออกประตูทางออกฝั่งลานกิจกรรมข้างห้างฯ แล้ววิ่งหลบหนีผ่านกล้องวงจรปิดหน้าสถานีรถไฟขอนแก่นก่อนจะหายไป โดยไม่มีการใช้ยานพาหนะหลบหนี อาศัยเท้าเปล่าวิ่งไปจนสุดเส้นทางที่ตรวจสอบพบ ในขณะที่คนร้ายวิ่งหลบหนีได้ทำสร้อยทองที่ขโมยมาหล่นพื้นมีคนนำกลับมาคืนให้หลังเกิดเหตุ ทำให้ทองที่คนร้ายได้ไปทั้งสิ้นเป็นทองรูปพรรณสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนักเส้นละ 3 บาท จำนวน 8 เส้น รวมน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไป 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท
ข่าวล่าสุด
Leave a Response