สองตำรวจเก๊ชายหญิง อ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวนมาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดขอนแก่น ตีสนิทเหยื่อเป็นหญิงวัย 32 ปี หลอกลวงเอาเงิน ซ้ำยังบังคับให้เลิกกับสามีหลอกมาคบหา กลายเป็นแม่หม้าย ต้องจำนำทั้งรถ ทั้งที่ดินของแม่ ทั้งทรัพย์สินเงินทองเอาเงินให้ผู้ชายสูญร่วม 200,000 บาท
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 นส.แมว อายุ 32 ปี ชาว ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เข้าพบ พ.ต.ท.สุรัตน์ รัตนะวงษา สว.สอบสวน สภ.บ้านไผ่ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความร้องทุกข์กรณีที่ถูก ชายหญิงอ้างเป็นตำรวจชุดสืบสวน หลอกเอาเงินไปจนหมดตัว และต้องเลิกกับสามี กลายเป็นหนี้สินหลายแสนบาท
น.ส.แมว เปิดเผยถึงรายละเอียดในการถูกชายหญิงหลอกว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนว่า ก่อนที่จะรู้จักชายหญิงคู่นี้ เป็นช่วงที่กำลังมีปัญหากับสามี ต่อมาสามีถูกจับติดคุก และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีนางหญิง อายุ 49 ปี ซึ่งอ้างว่า เป็นตำรวจชุดสืบสวนอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่มาทำการสืบสวนคดีสำคัญในพื้นที่อ.พล จ.ขอนแก่น ได้แวะมาหาชายวัยรุ่นที่เป็นเพื่อนสนิทกันในหมู่บ้านโนนสิงห์ทอง จึงมีความสนิทสนมกัน และ นางหญิงได้แนะนำพี่ชายชื่อป๋อง อายุ 53 ปี ให้รู้จัก โดยแนะนำว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนอยู่ทีมเดียวกัน ลงพื้นที่มาสืบสวนคดีด้วยกัน และ ด.ต.ป๋องก็หย่ากับภรรยามา 8 ปีแล้ว
จึงได้ทำความรู้จักกัน เมื่อรู้จักกัน คบหากันไปมาหาสู่กัน แต่ส่วนใหญ่เป็นนางหญิงมาหาเพื่อนชายคนสนิทมากกว่า ส่วน ด.ต.ป๋องไม่ได้มา อ้างว่าติดงานราชการ แต่จะมีการสื่อสารทางไลน์ในชื่อนักสู้ ซึ่งการติดต่อกันนั้น ส่วนใหญ่ ด.ต.ป๋อง จะขอเงินไปร่วมหุ้นในสหกรณ์ตำรวจ โดยครั้งแรกขอ 50,000บาท แต่ให้ไปเพียง 25,000บาท โดยบอกว่า เมื่อสหกรณ์ปันผลออกมาจะได้ส่วนแบ่ง จึงเอาสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ แหวน ไปขายและเอารถจักรยานยนต์ไปจำนำ ทั้งยังเอาโฉนดที่ดินของมารดาไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาให้ ด.ต.ป๋อง เนื่องจาก ด.ต.ป๋องต้องการนำเงินไปลงหุ้นสหกรณ์ตำรวจ เพื่อจะได้การปันผลในจำนวนมาก มีทั้งยืมให้เพื่อนรุ่นน้องในชุดสืบสวนไปให้เมียคลอดลูก ขอเงินกินข้าว และขอยืมไปใช้ในราชการอื่นๆอีก รวมแล้วประมาณ 200,000 บาท
นส.แมว เปิดเผยอีกว่า คบกันมาได้ประมาณ 7 เดือน สามีตนออกจากคุก นางหญิงกับ ด.ต.ป๋องบังคับให้ตนไปเลิกกับสามี สามีก็ยอมเลิกให้ และแยกกันอยู่กับสามี และมาคบกับ ด.ต.ป๋อง หลังจากนั้นจึงได้ถามกับ ด.ต.ป๋องถึงเรื่องเงินปันผลจากสหกรณ์ตำรวจ ก็ได้รับคำตอบว่า สหกรณ์ถูกโกง จึงยังปันผลไม่ได้ ส่วน นางหญิงก็บอกว่า นายตำรวจที่ทำเรื่องปันผล โกงเงินไปหมด จึงยังไม่ได้เงิน ทำให้ตัวเองกลายเป็นหนี้ เพราะไม่มีเงินมาใช้จ่าย
ต่อมามีเพื่อนของ นางหญิง ไลน์มาบอกตนว่า อย่าหลงเชื่อชายหญิงคู่ดังกล่าวจะโดนหลอกได้ เพราะก่อนหน้านี้มีคนถูกชายหญิงคู่นี้หลอกมาหลายคนแล้วทั้งเรื่องเงิน เรื่องที่ดิน เมื่อมีคนเตือนก็เริ่มเอะใจ ส่วนนางหญิงกับ ด.ต.ป๋องก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เริ่มบังคับให้ลบไลน์ที่คุยกันในไลน์นักสู้ ให้ลบภาพที่ถ่ายร่วมกัน ลบหลักฐานในโทรศัพท์ทิ้งให้หมด แต่บางส่วนตนได้กอปปี้ไว้ และส่งไปไว้ในข้อมูลอื่น จึงพอมีหลักฐานที่เป็นรถยนต์ของ นางหญิง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว และสลิปการโอนเงินให้ ด.ต.ป๋องอีกหลายฉบับ ในขณะเดียวกันก็มีบุคคลที่เคยถูก ชายหญิงคู่นี้หลอก โทรศัพท์มาให้ข้อมูลว่าความจริงแล้ว ด.ต.ป๋อง อายุ 53 ปี นั้น ไม่ได้เป็นตำรวจ แต่เป็นคนขับแท็กซี่ คนสนิทของนางหญิง ซึ่งนางหญิงนั้นไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นอดีตภรรยาของตำรวจที่อยู่บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อรู้ความจริงทุกอย่างจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่ ให้ติดตามจับกุมนางหญิงและนายป๋อง ให้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้คืนเงินที่ตนโอนไปให้ทั้งหมดด้วย เพื่อจะเอาไปไถ่ถอนที่นาคืนมาให้มารดา ไถ่ถอนรถจักรยานยนต์กลับคืน
Leave a Response