อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 เป็นชายเร่ร่อน อายุ 65 ปี เดินทางมาจาก กทม. ระบุว่ามาตามหาลูกชาย โดยโบกรถข้างทางเข้ามาในจังหวัดขอนแก่น ทีมสอบสวนโรคเร่งตรวจสอบไทม์ไลน์ ขณะที่นายอำเภอกระนวนสั่งเข้มทุกหมู่บ้าน หากแรงงานกลับเข้าพื้นที่ไม่แจ้งให้บังคับใช้กฎหมายทันที
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดขอนแก่นขณะนี้พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดคลัสเตอร์จากแคมป์แรงงานในพื้นที่ กทม. เดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และจังหวัดอื่นๆในลักษณะของผึ้งแตกรัง โดยเฉพาะที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.กระนวน จำนวน 5 ราย เป็นชาย 2 คน หญิง 3 คน ประกอบด้วย แคมป์พักแรงงานชิโนไทย 1 คน แคมป์พักแรงงานปทุม 3 คน และอีก 1 ราย ล่าสุดเป็นชายเร่ร่อน อายุ 65 ปี ซึ่งจากการสอบสวนโรคของทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ชายดังกล่าวเดินทางมาจากกรุงเทพ ซึ่งบอกว่ามาติดตามหาลูกชายแต่ไม่เจอ โดยได้เร่ร่อนพักอาศัยตามบริเวณ บ.ข.ส. อำเภอกระนวนและศาลาพักผ่อน สภ.กระนวน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งติดตามบุคคลกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดและสัมผัส มาทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย ปรากฏว่าผลเป็นลบ นอกจากนี้ยังมีแรงงานจากแคมป์กีบหมู กลับมายังภูมิลำเนา ต.ห้วยยาง อีก 3 ราย ปรากฏว่าผลเป็นลบเช่นกัน ซึ่งในส่วนของชายเร่ร่อนนั้น ทางทีมสอบสวนโรคอยู่ระกว่างการตรวจสอบไทม์ไลน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเดินทางมายังไงและมีความเสี่ยงในการสัมผัสในสถานที่หรือบุคคลใดบ้าง และชายเร่ร่อนดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระนวน
ขณะเดียวกัน นายทวิช พิมพะ นายอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ได้เรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่ออำเภอกระนวน หลังพบผู้ติดโควิด-19 ซึ่งได้มีการวางมาตรการในการป้องกัน และควบคุมเชื้อโควิดภายในหมู่บ้าน โดยได้มีมติเข้มงวดมาตราการควบคุมโรคโควิด-19 ในช่วง 7 วัน จากนี้ไป กำหนดให้ผู้นำชุมชนตั้งจุดคัดกรองเป็นด่านหน้า เช็คบุคคลเข้า-ออกทุกหมู่บ้าน ชุมชน หากพบแรงงานี่เดินทางเข้าในพื้นที่ก็จะแจ้ง อสม.ให้ประกบตัวทันที พร้อมเอกซเรย์ทุกครอบครัวว่ามีแรงงานที่กลับจำนวนกี่คน เบื้องต้นหากแรงงานพบว่ามีการติดเชื้อโควิด19 ก็จะอาศัยความเป็นชุมชนและเป็นพี่เป็นน้องพูดคุยกันทำความเข้าใจกัน ช่วยกันกักตัวเป็นหลัก หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือเพิกเฉยก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.โรคติดต่อทันที
Leave a Response