คุณตาวัย 64 ปี ชาว อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเอาผิดตามกฎหมาย หลังถูกหญิงรายหนึ่งซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกันขโมยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปรูดใช้จนหมดตั้งแต่ปี 60 กระทั่งปี 64 เรื่องแดงขึ้นโรงพักตกลงกันไม่ได้ หญิงที่เอาไปบอกเรื่องแค่นี้ไม่ติดคุกหรอก
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.2564 ที่บ้านเลขที่ 10 บ้านเก่าค้อ หมู่ 3 ต.สระแก้ว อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ นายสวย เที่ยงดี อายุ 64 ปี ร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าวขอให้เป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพราะถูกหญิงรายหนึ่งซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกัน เอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของตัวเองไปรูดซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆตั้งแต่ช่วงปี 60 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนายสวยได้เข้าแจ้งความหลายครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่อยากให้เป็นเรื่องราวกันเพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน อยากให้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันก่อน ซึ่งนายสวยยืนยันจะให้ทางหญิงรายดังกล่าวชดใช้เป็นเงิน 50,000 บาท หากไม่ชดใช้คืนก็ขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และทางฝ่ายหญิงรายดังกล่าวยืนยันว่าจะชดใช้ให้ได้ 40,000 บาท
นายสวย ผู้เสียหายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงปี 60 ทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศให้ชาวบ้านนำบัตรประชาชนมายื่นเพื่อให้ทางรัฐบาลดำเนินการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ โดยทุกคนหลังยื่นเอกสารต่างๆเสร็จก็รอรับบัตร กระทั่งเจ้าหน้าาที่จาก อบต.สระแก้ว ได้นำบัตรมาแจกให้กับชาวบ้าน แต่ตนเองไม่ได้รับ จึงไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็บอกให้รอรอบต่อไป กระทั่งเวลาผ่านไปเป็นปีก็ไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ อบต. ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านและนำบัตรมาแจกให้ชาวบ้าน แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ อบต.ว่า ได้เอาให้ตนเองกับมือและพูดบ่ายเบี่ยงปัดไปจนสุดท้ายบอกว่าเอาวางไว้ตรงหน้าบ้านที่ตนเองอยู่ ตนเองจึงเริ่มเกิดความสงสัยจึงไปสอบถามธนาคารกรุงไทยเพื่อจะขอให้ออกบัตรใหม่ให้ โดยทางธนาคารได้ตรวจสอบให้ในระบบ และแจ้งว่าบัตรของตนเองไม่ได้หายแต่มีประวัติการใช้งานมาตลอด จึงปริ๊นรายการของปี 64 มาให้ โดยมีการนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้ซื้อของตามร้านต่างๆตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม 64 และไปสอบถามร้านค้าที่มีคนนำบัตรตนเองไปใช้รูดซื้อสินค้าก็ได้รับความร่วมมือดีจากร้านค้าร้านสุดท้ายที่มีคนนำบัตรตนเองไปใช้ พร้อมทั้งเปิดกล้องวงจรปิดบันทึกให้มาเป็นหลักฐาน
โดยพบว่ามีหญิงรายหนึ่งพร้อมสามีขับรถจักรยานยนต์พ่วงมารูดซื้อของ แต่ทางร้านปฏิเสธไปเพราะไม่ใช่บัตรของหญิงรายดังกล่าว เมื่อได้วงจรปิดมาก็ไปสอบถามหญิงรายดังกล่าว แต่หญิงรายดังกล่าวปฏิเสธทุกอย่าง จนกระทั่งเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้ดูพร้อมกับเข้าแจ้งความ แต่ทางตำรวจยังไม่ให้แจ้งความ โดยบอกว่าอยากให้พูดคุยกันก่อนเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน พอเรื่องถึงโรงพักมีการพูดคุยกันหญิงรายนี้ก็รับว่าเอาไปจริง อีกทั้งยังบอกอีกว่าไม่กลัว เรื่องแค่นี้ไม่ติดคุกหรอก จะชดใช้เป็นเงินให้ 2,000 บาท ซึ่งตนเองไม่ยอมเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงินจำนวนมากตั้งแต่ปี 60 มา ก่อนที่ทางตำรวจจะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยจนสุดท้ายอยู่ที่ 40,000 บาท แต่ตนเองได้ปรึกษากับครอบครัวแล้วถ้าจะชดใช้ขอเป็นเงิน 50,000 บาท หากไม่ได้ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและสืบสวนสอบสวนไปยังคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่อาจสมรู้ร่วมคิดด้วย เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหากนำไปใช้ซื้อของต้องกดรหัสของบัตรจึงจะซื้อได้ จึงเชื่อว่าอาจมีคนรู้เห็นร่วมมือกับหญิงรายดังกล่าวด้วย
Leave a Response