ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ 2 โจรพ่อลูก ชาย-หญิง ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์พนักงานสาว หลบหนีลอยนวล โดยทิ้งรถของตัวเองที่ขับมาก่อเหตุแล้วเอารถผู้เสียหายไปพร้อมสับเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียน ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เร่งล่าตัวคนร้าย พบเบาะแสเป็นคนนอกพื้นที่
นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดริมถนนแจ้งสนิท ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บันทึก 2 โจรชาย-หญิงอายุประมาณ 20-25 ปี ใส่เสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดคลุมหัวเดินเข้ามาภายในซอยศาลเจ้าพ่อเก่าอ.บ้านไผ่ ซึ่งพนักงานของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ติดริมถนนมิตรภาพจะนำรถจักรยานยนต์มาจอดเป็นประจำ ซึ่งโจรทั้งสองเดินเข้ามาภายในซอยเพื่อหารถเหยื่อที่ขโมยง่ายโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่เสียบกุญแจคาไว้ที่รถ โดยมีผู้ชายเดินนำหน้า ก่อนที่ผู้หญิงที่เดินตามหลังจะชี้บอกผู้ชายว่ามีรถจักรยานยนต์เสียบกุญแจทิ้งไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปภายในศาลเจ้า โดยผู้หญิงรออยู่ในศาลเจ้าส่วนคนร้ายที่เป็นผู้ชายเดินกลับมาที่รถแล้วหยิบหมวกกันน็อคสตาร์ทรถขับไปรับคนร้ายที่เป็นผู้หญิงซึ่งรออยู่ในศาลเจ้าขับหลบหนีไปอย่างลอยนวล โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 4 ม.ค.2565
โดยนางสาว ฉัตรสุดา นามสอน อายุ 25 ปี พนักงานห้างสรรพสินค้าเจ้าของรถจักรยานยนต์สกู้ปปี้ไอ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ถูก 2 คนร้ายขโมยไป พาผู้สื่อข่าวดูจุดที่จอดรถโดยอยู่ใกล้กับกล้องวงจรปิด พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองขับรถจักรยานยนต์มาทำงานและจะมาจอดที่ตรงนี้เป็นประจำทุกวัน โดยช่วงเช้าขับมาจอดตามปกติ ก่อนที่ช่วงบ่ายจะออกมาใช้รถพบว่ารถจักรยานยนต์หายไป จึงหาหลักฐานกล้องวงจรปิดแต่ละมุมที่บันทึกภาพคนร้ายได้ ซึ่งก็พบคนร้ายทั้งสองมาเอารถจักรยานยนต์ของตนเองไป ซึ่งตนเองลืมเสียบกุญแจคาเอาไว้ที่รถจึงทำให้คนร้ายขโมยไปได้ง่าย ก็อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์กับคนอื่นๆหลังจอดรถสำรวจกุญแจรถว่าถอดหรือยังทุกครั้ง ก่อนจะเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านไผ่ทันที
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ ช.เซนต์อะไหล่ ตั้งอยู่เลขที่ 366/23 หมู่ 20 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นร้านซ่อมที่ 2 คนร้ายนำรถจักรยานยนต์มาซ่อม พร้อมกับนำรถจักรยานยนต์คันที่ขโมยมามาซ่อมที่อู่ ก่อนจะปฏิเสธแล้วขับออกไป อ้างว่าเฒ่าแก่เอารถยนต์มารับแล้ว จะไปโคราชพร้อมเฒ่าแก่ โดยได้พบกับนายอุทัย ไกลนอก อายุ 38 ปี และนางสาว จุรี เจริญรัมย์ อายุ 37 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนที่ก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ กำลังเข็นจูงรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกสีขาว หมายเลขทะเบียนไม่ชัดเจนเนื่องจากทั้งคู่ขูดสีป้ายทะเบียนที่เป็นสีดำออก กำลังหาร้านซ่อม พ่อของตนเองขับผ่านมาเห็นพอดี จึงเข้าไปสอบถามและพามาที่บ้านซึ่งเปิดเป็นอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ด้วย โดยจากการตรวจสอบเครื่องยนต์ก็จะต้องใช้จ่ายค่าซ่อมเป็นเงิน 2,000 บาท แต่ทั้งคู่ไม่มีเงินบอกว่ามาจาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น จะไปหาเฒ่าแก่ที่จ.นครราชสีมา ขับรถจักรยานยนต์มาแล้วรถเสีย มีเงินไม่พอซ่อมรถ พ่อและตนเองจึงปรึกษากันเพราะสงสารว่าเป็นพ่อลูกกันมีเด็กท่าทางไม่ปกติด้วย แต่ทั้งคู่จะมีอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จึงแนะนำให้ไปทำงานกับพี่ชายเป็นงานก่อสร้าง โดยวันแรกทำงานเสร็จก็ให้เงินไป 300 บาทเป็นค่าแรง ก่อนที่ทั้งคู่จะไปนอนอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในอ.ชนบท หลังจากทั้งคู่ขับมาจอดซ่อมและไปทำงานกับพี่ชายเสร็จได้เดินมาดูว่ารถซ่อมหรือยังซึ่งตนเองยังไม่ได้ซ่อม แล้วทั้งคู่ก็กลับไปที่รีสอร์ทก่อนจะกลับมาอีกครั้งตอนประมาณ 1 ทุ่ม มาสอบถามว่ารถซ่อมหรือยังตนเองจึงบอกว่ายังไม่เสร็จ ทั้งคู่ก็บอกว่าเฒ่าแก่จะมารับแล้ว เดี๋ยวจะเอารถไปเลย และไปนอนที่รสอร์ทเดิมอีกครั้ง ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไรก็คืนไป
เจ้าของอู่บอกอีกว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเห็นรถจักรยานยนต์ของทั้งคู่จอดอยู่อู่ในตลาดในเมืองบ้านไผ่ ก็คิดว่าทำไมยังไม่ไปโคราชกับเฒ่าแก่ สงสัยไม่อยากซ่อมอู่เราแล้วเอารถมาซ่อมอู่นี้ พอตกเย็นมาก็มาทราบทีหลังว่าเป็นโจรก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ จึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบและลงพื้นที่มาตรวจสอบรถจักรยานยนต์และนำกลับไปเก็บเป็นของกลางในคดี และนอกจากนี้ยังทราบว่าเจ้าของอู่ที่ทั้งคู่นำรถไปซ่อมเจ้าของอู่ให้เงินไปอีก 400 รวมกับของตนเอง 300 บาทก็เป็น 700 บาท ซึ่งที่ทั้งคู่บอกว่าเป็นพ่อลูกกันนั้นตนเองไม่เชื่อ ลักษณะผิดสังเกตไม่เหมือนพ่อลูกกัน และรถที่ทั้งคู่ขับมาครั้งแรกนั้นก็ไม่ทราบว่าจะเป็นรถที่ขโมยมาด้วยหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีกับผู้สื่อข่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งก็ได้ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานต่างๆทันที ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกัน เป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาก่อเหตุในอ.บ้านไผ่ โดยรายละเอียดอื่นๆนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นทางตำรวจก็พอจะทราบตัวคนร้ายแล้วคาดว่าจะสามารถจับกุมได้เร็วๆนี้
Leave a Response