คอลัมน์ “ รู้จริง ถิ่นเฮา”
โดย “น้องดอกคูน”
….เรื่องเล่า อ่านสนุก ซอกมุมของบรรพบุรุษ และมองออกไปเบื้องหน้า ในบริบทของ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เมื่อทุกเรื่องม้วนร้อย เป็นมิติเดียวกัน เหลืองสะพรั่งของดอกคูณ และ เสียงแคน แล่นแต้ มาแล้ว………….

     เสียงระเบิด ตามด้วยเปลวไฟลุกโชติ  ท้องฟ้ามีควันดำพวยพุ่ง เสียงรถหวอ สู่ถนนกิ่งแก้ว ของ กทม….เกือบรุ่งสางของวันจันทร์ที่ 05  กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นอุบัติเหตุ ครั้งใหญ่ อีกครั้งของโรงงานอุตสาหกรรมหนัก ที่มีสารเคมี เป็นพิษร้ายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม……

        การนี้ ฉุกใจ นึกขึ้นมาได้ จึงขอพา และชวนคุณๆ ไปทบทวน ว่า เมืองไทย ตั้งเข็มทิศ เรื่องอะไร ไว้บ้าง และระดับสากล เขาตั้งเกณฑ์ด้านแนวธุรกิจที่คำนึง ถึงสิ่งแวดล้อม ในปีไหน กันบ้าง………..

        ปี 2565 หรือ ปีหน้า … หรืออีก ไม่เกิน 6 เดือนข้างหน้านี้

        “ประเทศไทย ประกาศ จะเลิกใช้ โฟม”

        ลูกค้า บางคน บางอาคารขนาดใหญ่ ใน กทม. ปฏิเสธ ที่จะให้ใช้โฟม หรือ การไม่อนุญาต ให้นำโฟมเข้าตึก หากพบในถังขยะ ชั้นไหน โต๊ะไหน เป็น มีบทลงโทษ ทันที….

        เสือปืนไว อย่างอินเดีย ประกาศ ไปแล้วว่า ตั้งแต่ปีนี้ 2021 เป็นต้นไป  จะไม่อนุญาต ให้มีเหมืองถ่านหินเพิ่มอีก รวมทั้ง ไม่อนุญาต ให้สร้างโรงงานไฟฟ้า พลังงานจากถ่านหิน อีกแล้ว

        ปี 2025  หรือ อีก 4 ปี ข้างหน้า จีน ประกาศว่า จะไม่สร้างโรงไฟฟ้า พลังงานจากถ่านหินเพิ่มอีก,  กลุ่มธุรกิจปศุสัตว์ และพืชอาหาร ใน 3 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา/แคนาดา/ออสเตรเลีย จับมือกัน ประกาศว่า จะมีกระบวนการผลิต ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศของโลก  ( ปัจจุบันราคา ซื้อ-ขาย คาร์บอน คือ 65 เหรียญสหรัฐ ต่อ ตัน)

       ปี 2030  หรือ อีก 9 ปี ข้างหน้า ประเทศในทวีปยุโรป-EU และ สหรัฐอเมริกา จะหยุดสร้าง โรงงานไฟฟ้าพลังงานจากถ่านหิน ทั่วประเทศ (ปรับ ราคา ซื้อ-ขาย คาร์บอน ขึ้นเป็น 70 เหรียญสหรัฐ ต่อ ตัน)

        ปี 2035  หรือ อีก 14 ปี ข้างหน้า กลุ่มประเทศผู้ผลิตรถยนต์ 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และเกาหลีใต้ ประกาศ จะหยุด ขายรถยนต์ ที่ใช้พลังงานจากฟอสซิล โดยจะขายรถยนต์ จากพลังงานไฟฟ้า เท่านั้น

        ปี 2040  หรือ อีก 19 ปี ข้างหน้า มีข้อบังคับว่าโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ เหล็กกล้า ใช้มาตราการผลิต แบบ คาร์บอนต่ำ เน้นพลังงานสะอาด หยุดพลังงานฟอสซิล

        ปี 2060  หรือ อีก 39 ปี ข้างหน้า จีน ประกาศ ว่า ตลาดการซื้อขาย คาร์บอน จะเป็นตลาดเสรี –หมายถึง ประเทศไหน โรงงานไหน ยังทำตามข้อกำหนดไม่ได้ ให้มาซื้อประเทศที่ผลิตคาร์บอนได้ เพื่อช่วยไม่ทำให้ชั้นบรรยากาศเพดานความปลอดภัยของชาวโลกบนท้องฟ้า ทะลุ เป็นช่องโหว่ ทำให้แสง รังษีพิษจะส่องลงมาทำร้ายโลก

        โลกการค้า แข่งขัน กันด้วย “ราคา” ใครไม่ปรับตัว ย่อมมีต้นทุนสูง แข่งขันในตลาดไม่ได้ สินค้าจะแพงกว่าคู่แข่ง  นโยบาย เรื่องสิ่งแวดล้อม จึงเสมือนมาตรการกีดกันทางการค้า แบบ ผู้ดีๆ แม้จะดูดีกับโลกใบนี้ แต่อาจยิ่ง ซ้ำเติม ช่องว่าง ประเทศ รวย-จน เข้าไปอีก

        โลกใก้ล โลกไกล จึงเป็นภาพ ที่ทุกคนมองเห็น เหมือนกัน แต่การปรับตัวของแต่ละคน ย่อมมีวิธีต่างกัน  ที่น่าคิด คือ  อีก 39 ปี ข้างหน้า อยู่ให้ทัน เห็น โลกไกล ใบนี้ นะ…..

# โควิด-19 กี่รอบ กี่รอบ

เราจะรอดไปด้วยกัน