เร่งตัวตัวคนร้ายหลอกเด็กหญิงวัย 12 ไปช่วยงานที่บ้าน อ้างจ้าง 100 บาทและพ่อ-แม่เด็กให้มาเรียก ก่อนสบจังหวะพยายามข่มขืนในบ้าน โชคดีพ่อช่วยไว้ทันก่อนหลบหนีลอยนวล ขณะที่ตำรวจเร่งล่า ด้านเด็กยังหวาดผวาและครอบครัวต้องพกอาวุธติดตัวตลอดเวลา เนื่องจากคนร้ายยังคงวนเวียนและมาข่มขู่อยู่ทุกวัน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ม.ค.2565 ที่ บ้านแอวมอง หมู่ 13 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายวินัย ทองทัพ กำนัน ต.พรพลับ พร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรัฐเกียรติ ศรวิเศา รอง ผกก.(สอบสวน) หน.สภ.ย่อย พระลับ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่สอบปากคำเพิ่มเติม ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี รวมทั้งนายมนู เพิ่มพูน อายุ 40 ปี และ น.ส.ยุวดี ทิกา อายุ 40 ปี พ่อและแม่ ของน้องเอ ภายในบ้านพักไม่มีเลขที่ ซึ่งตั้งห่างจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน 2 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประมาณ 300 เมตร เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและวางมาตรการป้องกันการก่อเหตุของคนร้ายในพื้นที่ หลังเกิดเหตุคนร้ายเป็นชายอายุ ประมาณ 40 ปี ก่อเหตุพยายามข่มขืน ด.ญ.เอ ภายในบ้านพักแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้านแอวมอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา โชคดีที่พ่อและแม่ ด.ญ.เอ ช่วยเหลือไว้ทัน ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนใช้อาวุธปืนข่มขู่และป้องกันตัวและหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่ไปได้ แต่คนร้ายยังคงวงเวียนมาข่มขู่ ครอบครัวของ ด.ญ.เอ รวมทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ในวันดังกล่าวทั้งหมด โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไม่สามารถจับกุมตัวได้
ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึง พบ ด.ญ.เอ อยู่ในสภาพที่หวาดกลัวและหวาดผวา ไม่กล้าที่จะออกมาพบกับทางเจ้าหน้าที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งถึงการเดินทางพบกับอัยการ จ.ขอนแก่น เพื่อทำการร่วมสอบปากคำร่วมกันกับทีมสหวิชาชีพ รวมทั้งการจัดกำลังเจ้าหน้าที่มาประจำที่บ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นที่พักของครอบครัวน้องเอ เพื่อความปลอดภัย ขณะที่จากการตรวจสอบภายในบ้านพักพบว่ามีการวางอาวุธมีด รวมทั้งจอบ และเสียบตามจุดต่างๆ เนื่องจากครอบครัวไม่มั่นใจในความปลอดภัยและเตรียมพร้อมในการที่จะป้องกันตัวหากคนร้ายกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง
นายมนู เพิ่มพูน อายุ 40 ปี พ่อของน้องเอ กล่าวว่า ได้พาครอบครัวมารับจ้างบ้านพักหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยได้พักอยู่ในบ้านหลังนี้และทำการก่อสร้างมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 1 ปีและทยอยก่อสร้างบ้านและต่อเติมบ้านไปอย่างต่อเนื่อง และได้รู้จักมักคุ้นกับคนร้าย ทราบชื่อว่านายสุวิชาญ เป็นคน บ้านแอวมอง อาชีพรับจ้างทั่วไป โดยในวันเกิดเหตุคนร้ายได้มาว่าจ้างตนเองไปทำการก่ออิฐที่บ้านพักของคนร้าย ภายในหมู่บ้านแอวมอง จึงตัดสินใจไปรับจ้างเพราะเป็นงานไม่ยากและทำไม่นาน แต่คนร้ายยังว่าจ้างภรรยาของตน คือแม่ของน้องเอ ไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านด้วย จึงตกลงรับงาน ซึ่งก่อนเดินทางไปทำงานนั้นได้พาน้องเอ ไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห่างจากบ้านพักของตนเองไม่ถึง 50 เมตรโดยบอกกับน้องเอ ว่าให้รออยู่ที่นี่พ่อและแม่ไปทำงานไม่นาน
“ในขณะที่ทำงานที่บ้านของคนร้ายอยู่นั้น อยู่ๆน้องเอ ก็มาหา ซึ่งตกใจมากจึงถามลูกว่ามาได้อย่างไร ซึ่งลูกบอกว่า นายสุวิชชา นั้นได้มาหาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวและบอกว่าพ่อและแม่ให้มาตามและมารับไปทำงานด้วย ยังบอกว่าหากน้องเอ มาช่วยงานจะให้เงินน้องเอ 100 บาท น้องเอ จึงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับคนร้ายด้วย ซึ่งในระหว่างที่ทำงานนั้นผมทำการก่ออิฐอยู่ข้างบ้าน ส่วนภรรยา ทำความสะอาดบ้านทั่วไป น้องเอ ก็ช่วยงานต่างๆทั่วไป แต่อยู่คนละส่วนนั้น จากนั้นได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และร้องขอชีวิตเสียงดังลั่นออกมาจากบ้าน จึงพยายามตามหาลูกสาวก็ไม่พบ จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งออกมาจากห้องนอนชั้น 1 ของตัวบ้าน จึงพยามยามที่จะพังประตูเข้าไปแต่คนร้ายล็อคกลอนประตูไว้อย่างแน่นหนา จึงตัดสินใจวิ่งออกมาข้างบ้านและใช้มือทุบกระจกให้แตกและเข้าไปในห้อง”
นายมนู กล่าวต่ออีกว่า จังหวะที่เข้าไปนั้นพบว่าคนร้ายคือนายสุวิชา สวมใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว กำลังใช้มือล็อคคอและปิดปากลูกสาวตนเองไว้และพยายามที่จะข่มขืน จึงใช้เท้าถีบเข้าที่ตัวคนร้ายไป 1 ครั้ง จากนั้นก็เกิดการต่อสู้ชุลมุนกัน จังหวะนั้นภรรยาได้เข้าไปช่วยน้องเอ และนำตัวน้องเอ ออกไปและไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมคนร้าย ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึงคนร้ายได้ถืออาวุธปืนและหลบหนีขึ้นไปชั้น 2 ของตัวบ้านและอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ โดยจากการสอบถามน้องเอ ทราบว่านายสุวิชาญ นั้นข่มขู่ห้ามส่งเสียงดังและห้ามบอกใครไม่เช่นนั้นจะฆ่าน้องเอและครอบครัวให้ตายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่านายสุวิชชามีการเตรียมการมาอย่างดีและกล้าที่จะลงมือในบ้านทั้งที่ผมและภรรยา ทำงานอยู่นอกบ้านในช่วงวันและเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ครอบครัวหวังว่าตำรวจจะเร่งจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะทุกวันนี้ครอบครัวต้องอยู่อย่างหวาดกลัวและต้องเตรียมพร้อมที่จะป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ น.ส.ยุวดี ทิกา อายุ 40 ปี แม่ของน้องเอ บอกว่า คนร้ายนั้นรู้จักมักคุ้นกับครอบครัวเนื่องจากไปมาหาสู่กันแต่ก็ไม่บ่อยครั้ง เนื่องจากครอบครัวของตนเองนั้นเป็นคนต่างถิ่นมารับจ้างทำงานที่ ต.พระลับ ในวันเกิดเหตุจำภาพได้ติดตาว่า เมื่อสามีทุบกระจกและเข้าไปในห้องเห็นคนร้ายคือนายสุวิชชา นั้นนั่งค่อมร่างน้องเอ อยู่ โดยมือปิดปากและล็อคคอน้องเอ ไว้ ก่อนที่สามีจะใช้เท้าถีบและเกิดการต่อสู้กัน ส่วนตนเอง คว้าน้องเอ ออกมาได้และหลบหนีออกมาจากบ้าน ขับ จยย.ไปแจ้ง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุมคนร้าย แต่คนร้ายนั้นมีอาวุธปืนทำให้สามีและชาวบ้านที่มาถึงก่อนไม่กล้าจับกุม จนกระทั่งตำรวจมาคนร้ายอาศัยจังหวะชุลมุนและความมืดหลบหนีไปได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวน้องเอ ไปตรวจร่างกายและเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบสวน ตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งครอบครัวนั้นเข้าใจในขั้นตอนของกฎหมาย แต่สิ่งที่น่าห่วงคือคนร้ายยังคงวนเวียนมาในหมู่บ้าน มาข่มขู่พยาน ทั้งการทิ้งลูกกระสุนปืนตกไว้หน้าบ้านพยาน ครอบครัวของคนร้ายยังคงวนเวียนมาบ้านของตนและบ้านของพยาน แทบทุกวัน ขณะที่จากการตรวจค้นบ้านที่คนร้ายก่อเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ยังคงสามารถตรวจยึดปืนไปได้ 2 กระบอก ซึ่งยังคงมีอีก 1 กระบอกที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธติดตัวขณะหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่อยู่ในขณะนี้ จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากลูกสาวยังคงนอนร้องไห้และตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวต้องอยู่อย่างหวาดผวา พากันไม่ออกไปไหน หรือไปไหนก็ไปทั้ง 3 คน และต้องพากับสลับเข้าเวรตลอดทั้ง 24 ชม. หากต้องอยู่บ้านเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายจะหวนคืนกลับมาทำร้ายหรือกระทำการใดๆอีกซึ่งก็อาจที่จะเกิดขึ้นได้
ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้น้องเอ อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนของทีมสหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวน้องไปตรวจร่างกายที่ รพ.ขอนแก่น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว และชุดสืบสวนสอบสวน รวมทั้งชุดสายตรวจได้เร่งไล่ล่าติดตามจับกุมคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลและสำนวนการสอบสวนไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้มากกว่านี้เพราะจะมีผลกับสำนวนคดี อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,กักขังหน่วงเหนี่ยวและพยายามข่มขืน ซึ่งหากทีมสหวิชาชีพทำการสอบปากคำน้องเอ และพยานแวดล้อมแล้วเสร็จก็จะมีการอนุมัติหมายจับจับกุมตัวตามขั้นตอนต่อไปซึ่งผู้ต้องหานั้นขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร
Leave a Response