อาการคลัสเตอร์ฟันน้ำนมดีขึ้นตามลำดับ แพทย์เตรียมประเมินอาการหลังเข้ารับการรักษาครบ 10 วัน ส่งต่อการรักษาที่บ้านอีก 4 วันตามแนวทางการรักษาโรค

        เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ก.ค.2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้การรักษาผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มคลัสเตอร์ฟันน้ำนม รวม 42 ราย แยกเป็น ครู 8 ราย และเด็ก 38 ราย ที่ในขณะนี้ยังคงรักษาตัว อยู่ที่ รพ.ขอนแก่น แยกเป็น เด็ก 24 ราย ครู 6 ราย และที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. เป็น ครู 2 ราย เด็ก 10 ราย ที่ขณะนี้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ทีมแพทย์และพยาบาล จะทำการประเมินผู้ป่วยทั้งหมด ว่าจะสามารถส่งกลับไปรักษาตัว ที่ รพ.สีชมพู ที่เป็น รพ.ใกล้บ้าน หรือการใช้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กศรีสุข เป็นที่รักษาตัวต่ออีก 4 วัน ตามระบบการบริการทางการแพทย์ที่กำหนด เนื่องจาก อ.สีชมพู มีความเข้มแข็งในการทำงานของคณะทำงานทุกฝ่ายจนกลายเป็นสีชมพูโมเดล ที่สามาาถบริหารจัดการเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือแพทย์ที่ทำการรักษาขณะนี้ต้องวิเคราะห์และประเมินอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจส่งกลับรักษาตัวที่ รพ.ใกล้บ้าน

        “ด้วยศักยภาพของ รพ.สีชมพู รวมทั้งระบบทางการแพทย์ ที่คณะทำงานได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบความพร้อมในด้านต่างๆแล้วพบว่า สามารถรับผู้ป่วยกลับมาพักรักษาตัวต่อได้ หลังครบ 10 วันจากการรักษาที่ รพ.หลัก ซึ่งหากทีมแพทย์ประเมินอาการผู้ป่วยในกลุ่มคลัสเตอร์ฟันน้ำนมแล้วยืนยันว่าสามารถส่งกลับได้ก็จะส่งกลับให้ รพ.สีชมพู ทำการรักษาตัวเด็กๆต่ออีก 4 วัน ซึ่งก็จะใกล้บ้านมาขึ้น หากประเมินแล้วไม่ปลอดภัย ก็จะไม่ส่งตัวกลับเด็ดขาด”

        นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ที่เกิดขึ้นวันนี้ 44 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตนั้นเป็นหญิงอายุ 67 ปี ชาว อ.สีชมพู มีประวัติสัมผัสกับกลุ่มคลัสเตอร์ฟันน้ำนม ซึ่งต้องขอยืนยันว่าเชื้อโควิด-19 ยังคงมีผลร้ายแรงกับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และผู้เสียชีวิตรายล่าสุดนี้นั้น มีโรคแทรกซ้อนหรือโรคไต ซึ่งทีมแพทย์ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่จนกระทั่งเสียชีวิต อย่างไรก็ตามขณะนี้ยอดจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทำให้การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิด-19 จึงต้องเป็นไปตามระบบสาธารณสุขและจากข้อมูลล่าสุดพบว่า รพ.สนามทั้ง 2 แห่งของเรา ทีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อีกประมาณ 110 เตียงและหากจำนวนผู้ป่วยมีมากขึ้นอย่างนี้คาดว่า ไม่เกิน 5 วันเตียวจะเต็ม ทำให้การเปิด รพ.สนาม แห่งที่ 3 จึงเตรียมการไว้รองรับแล้ว ด้วยการพิจารณาสถาบันจิตเวชเด็ก ในการดูแลของกรมสุขภาพจิต และ สนามกีฬากลาง จ.ขอนแก่น ในการดูแลของ อบจ.ขอนแก่น เป็น รพ.สนาม แห่งที่ 3 ส่วนกลาง รวมไปถึงการตั้ง รพ.สนาม ใน รพ.หลัก ทั้งที่ รพ.พล,รพ.กระนวน,รพ.บ้านไผ่ และ รพ
ชุมแพ ครอบคลุมพื้นที่ 4 มุมเมืองหลักในการให้การรักษาผู้ป่วยตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป