ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศข้อกำหนดศบค.ฉบับที่ 43 เกี่ยวกับมาตรการเทศกาลวันสงกรานต์ปี 2565 ห้ามการเล่นน้ำ เล่นประแป้ง ปาร์ตี้โฟม กิจกรรมเสี่ยง
วันที่ 30 มีนาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดศบค. ฉบับที่ 43 ซึ่งเกี่ยวกับ มาตรการเทศกาลวันสงกรานต์ ประจำปี 2565 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2565เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อกําหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่ 43)
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ นั้น
โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมครอน (Omicron) ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วจนเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศ ซึ่งบรรดาแพทย์ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขได้แนะนําและเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้สูงอายุให้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) อันจะช่วยลดอัตราความเสี่ยง จากการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของโรคได้
ประกอบกับการเข้าสู่เทศกาลประเพณีสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องที่คาดการณ์ว่าประชาชนจํานวนมากจะเดินทางกลับภูมิลําเนาและท่องเที่ยว รัฐบาล โดยข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุขจึงเตรียมพร้อมกําหนดเป็นมาตรการควบคุมและป้องกันโรคให้เหมาะสม กับสถานการณ์
เพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดแบบกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ อีกทั้งเพื่อเป็นการสืบสาน ประเพณีและวัฒนธรรมไทยร่วมกับการสร้างความรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคม เพื่อให้ การฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่กับการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคําแนะนําของศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกําหนดพื้นที่นําร่อง ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม
ให้ ศบค. มีคําสั่งปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจําแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ และกําหนดพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคําสั่ง
เพื่อให้ สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจของรัฐบาล โดยให้นํามาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กําหนดไว้สําหรับพื้นที่สถานการณ์ ระดับต่าง ๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ ข้อกําหนดนี้
ข้อ 2 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค
ให้บรรดามาตรการ ควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสําหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้ง มาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564
และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกําหนด (ฉบับที่ 42) ลงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2565 ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรม การรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจําแนก ตามพื้นที่สถานการณ์ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว
และมาตรการ เฝ้าระวังเพื่อควบคุมการระบาดของโรคในสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกําหนดขึ้นภายใต้ข้อกําหนด ดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป
ข้อ 3 การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการทั่วราชอาณาจักรเป็นกรณีเฉพาะรองรับ ช่วงเทศกาลสงกรานต์
ประชาชนที่จะเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิลําเนาควรได้รับ วัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ทางราชการกําหนดเพื่อลดอัตราการแพร่โรคและการติดเชื้อรุนแรงต่อบุคคล ที่มีภาวะเสี่ยง โดยเฉพาะการเข้าเยี่ยมเยียน กราบไหว้ พบปะผู้สูงอายุ ญาติพี่น้อง หรือกลุ่มเปราะบาง
และแนะนําให้ประเมินความเสี่ยงสังเกตอาการของตนเอง หรือใช้ชุดตรวจและน้ํายาที่เกี่ยวข้องกับ การวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID – 19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (ชุดตรวจ ATK) เป็นระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง การพบปะ หรือการเข้าร่วม กิจกรรมรวมกลุ่ม
และขอให้ประชาชนกลุ่มเสียงและกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุเตรียมความพร้อม โดยเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคําแนะนําของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเอง และบุคคลในครอบครัว
ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณากําหนดสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม ที่สามารถดําเนินการได้เป็นกรณีเฉพาะเพื่อการจัดกิจกรรม เทศกาลสงกรานต์เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่รับผิดชอบ ภายใต้ เงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) พื้นที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะหรือพื้นที่ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ได้
ให้ผู้ประกอบการ ผู้จัดงาน หรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการจัดงาน จัดสถานที่และดําเนินกิจกรรมภายใต้ มาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน รวมทั้งมาตรการปลอดภัย สําหรับองค์กร (Covid Free Setting) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด ดังนี้
- ก. การจัดกิจกรรมในลักษณะของการเล่นน้ําหรือจัดกิจกรรมตามวัฒนธรรมประเพณี เช่น การสรงน้ําพระ รดน้ําดําหัว การละเล่นตามประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ขบวนแห่ หรือการแสดงดนตรี สามารถกระทําได้
- ข. ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการเล่นประแป้งและกิจกรรมในลักษณะปาร์ตี้โฟม
- ค. ห้ามการจําหน่ายและการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในบริเวณพื้นที่ จัดกิจกรรม
- ง. ให้มีจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าออกและให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่ หรือพื้นที่จัดกิจกรรม
- จ. ให้ควบคุมจํานวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมิให้แออัดตามขนาดของสถานที่หรือพื้นที่จัดกิจกรรม เกณฑ์ไม่น้อยกว่า ๔ ตารางเมตรต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๑ คน
(2) ห้ามการเล่นน้ํา เล่นประแป้ง ปาร์ตี้โฟม หรือกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นความเสี่ยงต่อการ ระบาดของโรค ในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรม
(3) สําหรับการจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่หมู่บ้านหรือชุมชน สามารถดําเนินการได้
โดยให้ ศปก. ในพื้นที่ที่ตั้งของชุมชนนั้น ๆ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาอนุญาต และ ต้องมีมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่สอดคล้องกับแนวทางและมาตรการที่กําหนดในข้อกําหนดนี้ด้วย
(4) สถานที่หรือการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่อาจทําให้เกิดมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค
ให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดําเนินมาตรการความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการ กําหนดขึ้นเป็นการเฉพาะด้วย
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอดส่อง เฝ้าระวัง และติดตามการดําเนินมาตรการของผู้ประกอบการ และผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่และการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมและ ป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด
หากพบว่าการจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ผ่อนคลายให้สามารถ ดําเนินการได้นี้ มิได้ปฏิบัติตามหรือย่อหย่อนการดําเนินการมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ที่ทางราชการกําหนดซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อน ให้ดําเนินการตักเตือนและ ให้คําแนะนําเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวก่อนที่จะดําเนินการตามมาตรการทางกฎหมายต่อไป
เพื่อกํากับและเฝ้าระวังการระบาดของโรค ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ภายหลังการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประเมินความเสี่ยงและสังเกตอาการ ของตนเองในช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบการภาคเอกชน สามารถพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อดําเนินมาตรการให้เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหน่วยงานได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565
Leave a Response