สาวขอนแก่นโพสต์เฟซบุ๊กเล่าอุทาหรณ์หลังไปยืดผมที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในขอนแก่น ผ่านไปผมร่วงจนต้องโกนผมทิ้งทั้งหัว เดินทางพบเจ้าของร้านแต่ไม่รับผิดชอบใดๆบอกว่าไม่ได้เป็นเพราะร้านแถมหาว่าไปทำอย่างอื่นมาหลังยืดผม สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตถูกหาว่าเป็นมะเร็ง สร้างความอับอายไม่กล้าไปเจอใคร ขณะที่ร้านยืนยันยืดผมตามขั้นตอนถูกต้องลูกค้าคนอื่นทำต่อก็ไม่มีปัญหา

มีกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพช่วงที่ผมยาวดกดำและภาพขณะที่ศีรษะล้านจากการไปทำการยืดผม พร้อมข้อความระบุว่า “ทำผมทั้งที เจออย่างนี้คงเข็ดไปอีกนาน ทำไมเจ้าของร้านถึงปัดความรับผิดชอบแบบนี้ ใครชอบทำผมอ่านเพื่อได้เป็นอุทาหรณ์ ก่อนตัดสินใจไปยืดผมหรือทำอะไรที่เกี่ยวกับผม เราต้องเลือกร้านที่เราไว้ใจ ถ้าเลือกร้านผิดชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป” จากนั้นได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเจ้าของโพสต์และแชร์โพสต์ออกไปเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางสาวปณิดา เถาว์กลาง หรือเหมย อายุ 28 ปี ผู้โพสต์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก..พ.2565 ที่ผ่านมา ได้ไปยืดผมที่ร้าน ผ่านไป 3 วันแรกผมไม่ตรง และฟู ทางร้านบอกกลับมาว่า เป็นเพราะว่าใส่น้ำยายืดผมตรงปลายน้อย อีกทั้งผมเสียอยู่แล้วจึงเน้นแต่ตรงด้านบน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ติดใจหลังจากทราบเหตุผล ผมก็ปกติมีร่วงบ้างธรรมดา กระทั่งวันที่ 20 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา ผมเริ่มร่วงเป็นกระจุกเท่าเหรียญห้า ออกมาแบบเป็นกระจุก และหลังจากนั้นผมเริ่มร่วงขึ้นเรื่อยๆและหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักสุดตรงกลางออกหมดหัว ลามมาข้างๆกำลังจะเริ่มร่วงทั้งหมด จึงตัดสินใจโกนทิ้งเพราะรับสภาพไม่ไหว คิดตอนนั้นคือทำใจโกนทิ้งเพื่อเริ่มใหม่และรักษาผมใหม่ โดยใช้แชมพูของหมอที่ไปปรึกษาด้านผมร่วงซึ่งหมอบอกว่าแพ้สารเคมีรุนแรง คิดว่ามันอาจจะดีขึ้น แต่ปรากฏว่ามาถึง ณ วันนี้ก็ไม่ดีขึ้นจึงคิดว่าอาจะเกิดจากน้ำยายืดผมของร้านที่ไปทำการยืดเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา เพราะตอนไปยืดนั้น ช่างได้ทิ้งน้ำยาเอาไว้และขอไปกินข้าวกับเพื่อน โดยระยะเวลาก็ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหนแต่คาดว่าประมาณ 3 ชั่วโมง ตอนนั้นตนเองหลับไปรู้สึกหลับไปนานตื่นขึ้นมาก็เห็นช่างมาพอดี

พอเกิดเรื่องจึงได้ถามไปหาช่างที่ทำการยืดผมให้แต่ช่างปฏิเสธความรับผิดชอบบอกว่าไม่ได้เป็นกับน้ำยายืดของร้าน เพราะถ้าเกิดจากน้ำยายืดที่ร้าน ผมจะต้องร่วงตั้งแต่ 3 วันแรก ทั้งยังหาว่าตนเองไปทำอะไรมาหลังจากที่ยืดผม ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเลยหลังจากที่เข้าใช้บริการยืดผม ตนเองจึงถามว่าจะไม่รับผิดชอบใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยใช่หรือไม่ ไม่ช่วยอะไรเลยใช่ไหม ซึ่งทางร้านก็ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากน้ำยายืดผมของร้าน ตนเองจึงกลับบ้านและใช้ชีวิตมาถึงตอนนี้ และไม่ได้กลับไปที่ร้านอีก เพราะรับสภาพตัวเองไม่ไหว ต้องทำใจอยู่ที่บ้านไม่อยากไปไหน การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปกลับบ้านต้องอ้อมเข้าด้านหลังไม่อยากเจอหน้าใคร ทำใจไม่ได้ บั่นทอนจิตใจพอเห็นผมของคนอื่นๆ จนไม่กล้าส่องกระจก ตอนนี้ไม่สามารถไปทำงานได้ ไม่กล้าไปเจอหน้าใครเพราะอาย และเชื่อว่าหลายคนที่เจอตนเองคงคิดว่าตนเองเป็นมะเร็ง

พอหลังเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นก็ได้นำเรื่องราวมาโพสต์ในโซเชียลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่าใครที่อยากจะยืดผมให้คิดดีดี แนะนำว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า เพราะหากวันนึงเราเลือกร้านผิด หรือช่างเสริมสวยไม่ได้ใจเราก็จะเป็นแบบนี้ ตอนนี้แนวทางรักษาหมอแนะนำให้ใช้แชมพูไปก่อน เพราะสารเคมีน่าจะยังสะสมอยู่เยอะและเข้ารับการฉีดยารักษาจนหาย อยากจะฝากถึงเจ้าของร้านว่า อยากให้มารับผิดชอบตนเอง หรือขอโทษตนเองสักหน่อย อยากให้ใส่ใจตนเองเหมือนตอนที่อยากให้เราทำ ใช่อยู่ที่ตนเองสมัครใจไปทำ แต่ตนเองก็ใช้เงินทำเหมือนกัน เพราะตนเองเชื่อมั่นในร้านว่าให้ร้านทำดีกว่าที่ตนเองจะมาทำเอง

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรไปสอบถามเจ้าของร้านทำผมดังกล่าว บอกว่า กรณีที่เกิดขึ้นได้คุยกับทางลูกค้าแล้วตั้งแต่เกิดปัญหา ยืนยันไม่ได้เกิดจากทางร้านแน่นอน เพราะหลังจากที่ทำให้ลูกค้ารายนี้แล้ว ยังทำให้ลูกค้าอีก 3-4 ราย ก็ไม่มีความผิดปกติใดๆ ส่วนสาเหตุที่ลูกค้าผมร่วงนั้นตนเองก็ไม่แน่ใจว่าลูกค้าไปทำอะไรกับผมอีกหรือไม่ หลังจากที่เข้าบริการยืดผมกับทางร้านแล้ว ถ้าหากลูกค้าไม่สบายใจจะเข้ามาพูดคุยเจรจาอีกครั้งก็ยินดี