ตำรวจภาค 4 ตามรวบคู่หูโจร ชิงทรัพย์ในพื้นที่ 3 จังหวัด เน้นทองรูปพรรณและเงินสด ได้ไปทั้งหมดรวมกว่า 1.5 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 ชุดสืบสวนภ.จว.สกลนคร ชุดสิบสวน ภ.จว.หนองคาย และชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหาก่อเหตุ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ต่อเนื่องในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 16 ครั้ง มูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายไปรวม 1,500,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกันติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ 2 ราย ทรายชื่อว่า นายสุชาติ แจ่มสว่าง อายุ 29 ปี อยู่บ้าน 26/3 หมู่ 6 ต. หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ที่ จ.62/2565 ลงวันที่ 1 พ.ค.2565 และนายจิรเมธ กระสินธ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/9 หมู่ 9 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนติน ที่ จ.63/2565 ลงวันที่ 1 พ.ค.2565 ข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม และยังได้ทำการตรวจยึด ทรัพย์สินจากนายนายจิรเมธ กระสินธุ์ อายุ 29 ปีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีเทา น้ำเงิน ทะเบียน 7 กส 7262 ชลบุรี จำนวน 1 คัน พระเครื่องหลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง จำนวน 1 องค์ พระเครื่องพระครูเทพอุดรเลี่ยมทอง จำนวน 1 องค์ ตรวจยึดทรัพย์สินจากนายนายสุชาติ แจ่มสว่าง อายุ 29 ปี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดทะเบียน จำนวน 1 คัน กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว เสื้อยืดคอกลม สีน้ำเงิน จำนวน 1 ตัว
พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน พ.ย.2564 ถึง เดือน มี.ค.2565 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ในพื้นที่ จ.หนองคาย 8 ครั้ง พื้นที่ จ.อุดรธานี 7 ครั้ง และ จ.สกลนคร 1 ครั้ง รวม 16 ครั้ง ซึ่งผู้เสียหายได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้เสียหายต่างให้การตรงกันว่า คนร้าย ใช้ยานพาหนะ เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดทะเบียน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีเทา น้ำเงิน ทะเบียน 7 กส 7262 ชลบุรี และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดทะเบียนขี่เข้าประกบผู้เสียหายแล้วกระชากเอาสร้อยคอทองคำ ที่สวมใส่อยู่ที่คอ โดยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2565 ก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 20 บาทจากคอของภรรยาชาวต่างชาติ ในพื้นที่อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ที่เกิดเหตุ
ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คนร้ายทั้งคู่ยังมีการดักรอผู้เสียหาย เมื่อสบโอกาสก็ลงมือก่อเหตุ กระชากสร้อยคอทองคำหรือกระเป๋าจากผู้เสียหาย และหากผู้เสียหายมีการขัดขืนก็จะมีการทำร้ายข่มขู่เพื่อชิงเอาทรัพย์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทั้งสืบสวน บก.สส.ภ.4 และชุดสืบสวนทั้ง 3 จังหวัดร่วมกันทำการสืบสวน เชื่อว่ากลุ่มที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน เพราะใช้รถจักรยานยนต์ซ้ำๆกัน โดยคนร้ายแต่งกายที่มิดชิดสวมใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว และมีการใส่หมวกกันน๊อคแบบเต็มใบเพื่อปิดบังใบหน้า การก่อเหตุดังกล่าว นับว่าเป็นการก่อเหตุที่เกิดต่อประชาชนจำนวนมาก ในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่องกัน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชีวิตทรัพย์สินและก่อให้เกิดความ หวาดกลัวต่อประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุและใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้มีการตรวจสอบจากวงจรปิด และตรวจสอบประวัติข้อมูลอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ของบุคคลพ้นโทษ ที่มีที่พักอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุทั้ง 16 จุด ก็พบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายจิรเมธ กระสินธุ์ และ นายสุชาติ แจ่มสว่าง ซึ่งมีประวัติในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด วิ่งราวทรัพย์ ลักทรัพย์ และ พยายามฆ่า และพ้นโทษมาเมื่อ ก.ย.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตามดูพฤติกรรม จนพบว่า ทั้ง 2 คน มีภรรยา อยู่ในพื้นที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี มีการใช้ ยานพาหนะและเสื้อผ้าที่ตรงกับคนร้ายใช้และสวมใส่ในการก่อเหตุ จึงรวบรวม พยาน หลักฐาน ให้พนักงานสอบสวน ขอศาลอนุมัติออกหมายจับทั้ง 2 คน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สืบทราบว่า บุคคลทั้ง 2 คน ออกนอกพื้นที่อ.บ้านดุง กลับไปยังบ้านพักในจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำหมายจับ ติดตามจับกุมตัวได้ทั้ง 2 คน ได้ที่จังหวัดชลบุรี ควบคุมตัวไว้และทำการตรวจค้นและยึดของกลางได้บางส่วน พร้อมรถจักรยานยนต์และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ
พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า จากการสอบสวน นายจิรเมธ และนายสุชาติ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม มีแฟนอยู่ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี รู้จักกันสนิทกันในเรือนจำ เมื่อออกจากเรือนจำมาก็มีแฟนในอำเภอเดียวกัน ร่วมกันวางแผนและก่อเหตุขึ้นจริง โดยการก่อเหตุนั้น จะยืมรถจักรยานยนต์จากคนรู้จักกัน นำมาเป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ โดยจะเลือกเอาเฉพาะทองรูปพรรณที่ผู้เสียหายสวมใส่และเงินสดเท่านั้น ส่วนทองรูปพรรณที่ได้มา ก็ตระเวนขายในจังหวัดอื่นและขายในร้านทองที่กรุงเทพทหานครนำเงินมาแบ่งกันใช้จ่าย เที่ยวเตร่ไปทั่ว เมื่อเงินหมดก็จะย้อนกลับไปหาแฟนและร่วมกันก่อเหตุซ้ำอีก
Leave a Response