เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เวฬุวัน เจ้าหน้าที่ พมจ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางเอ(นามสมมุติ) อายุ 57 ปี มารดาของ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ผู้ป่วยจิตเวช ชาวตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อหาทางช่วยเหลือ หลังจากที่นางสาวบี ถูกข่มขืนมาราธอนมาหลายปี จนมีบุตร 3 คน คนโตเป็นชาย เรียนระดับ ปวส. คนที่สองเป็นหญิง เรียนชั้นมัธยมสาม คนที่สาม เพิ่งคลอดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นทารกเพศชาย และถูกส่งให้บ้านแคนทองไปแล้ว แต่ช่วงที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มายังบ้านหลังดังกล่าว พบเพียงนางสาวบี ส่วนนางเอ ผู้เป็นมารดาไม่อยู่บ้าน โดยมีผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และ อสม.อยู่ที่บ้าน จากการสอบถามนางสาวบี ซึ่งสามารถสื่อสารและพูดจาชัดถ้อยชัดคำ กล่าวว่า มารดาออกไปหาเห็ดตั้งแต่เช้า จะกลับมาในช่วงเย็น ส่วนตนเองไม่ได้ออกไปไหน เพราะต้องอยู่เฝ้าบ้านรอมารดา ซึ่งจากการพูดคุยกับนางสาวบีพบว่าสามารถสื่อสารรู้เรื่อง และเจ้าหน้าที่แนะนำว่าเวลาคนมาหาที่บ้านอย่าไปด้วย ซึ่ง นางสาวบีก็ยืนยันว่าไม่ไปด้วยแล้ว และบอกทุกคนที่มาว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านขายของ ไม่มีอะไรจะขายให้
นางสุทธิรักษ์ เรืองแหล่ อายุ 55 ปี อสม.ประจำหมู่บ้าน ทำหน้าที่ดูแลคนพิการ ซึ่งเป็นคนทำคลอดบุตรคนที่ 3 ให้กับนางสาวบี เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา กล่าวว่า นางสาวบี เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน บิดาเลิกกับมารดาไปหลายปีแล้ว เหลือเพียงมารดาที่หารายได้เลี้ยงคนในครอบครัวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน 8 คน นางสาวบีเกิดมาปกติทุกอย่าง กระทั่งช่วงโตเป็นสาว ถูกพาไปทำงานที่พัทยา หลายปี เมื่อกลับมาอยู่บ้านก็มีอาการผิดปกติ เหมือนคนป่วยจิตเวช มารดาพาไปรักษา และรับยามากินจนถึงทุกวันนี้ ประมาณ 13 ปีแล้ว
ช่วงที่กลับมาอยู่บ้านก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลายครั้ง มารดาจึงแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีกับคนก่อเหตุ แต่คนที่ก่อเหตุขอเจรจาและจ่ายเงินให้ เรื่องจึงจบกันไป แต่นางสาวบีก็ตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย ขณะนี้อายุ 17 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกล่อลวงออกไปข่มขืนอนาจารหลายครั้ง จนตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง อายุ 15 ปี
“นางสาวบีป่วยจิตเวช พูดจาสื่อสารได้ปกติ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่มักจะถูกหลอกจากผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่พัวพันกับยาเสพติด เพราะนางสาวบีเคยถูกจับคดียาเสพติดมาก่อน พวกคนติดยา จึงมักจะขับรถจักรยานยนต์แวะเวียนมาหา บางคนใช้กาแฟหลอกล่อ บางคนให้เงิน 20 บาท นางสาวบีหลงเชื่อก็ซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปด้วย ทำให้ถูกข่มขืน จนตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และคลอดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นเพศชาย ขณะที่นางสาวบีปวดท้องคลอด บุตร ญาติได้ไปตามให้มาทำคลอดที่บ้าน จึงได้สอบถามว่า ใครทำให้ตั้งท้อง นางสาวบีบอกว่า ไม่รู้ อาจเป็นเพราะกินกาแฟเยอะนอนอยู่เฉยๆก็ท้อง จึงถามอีกว่าจะเลี้ยงลูกเองหรือไม่ นางสาวบี บอกว่า อยากเลี้ยงเอง แต่ไม่มีรายได้ จึงขอยกให้รพ. ตนจึงได้ประสานกับทาง รพ.และประสานบ้านแคนทอง รับบุตรของนางสาวบีไปเลี้ยง ส่วนนางสาวบี มารดายินยอมให้ทำหมัน จึงประสาน รพ.มารับตัวไปทำหมัน เมื่อร่างกายแข็งแรงนางสาวบีก็กลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งก็ยังพบว่า มีผู้ชายแวะเวียนมารับไปข้างนอกเช่นเดิม ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนาวสาวบีนั้น มารดารู้เรื่องตลอด แต่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะถูกข่มขู่ฆ่า”
ในขณะที่นายเสรี สุวลักษณ์ อายุ 53 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านตรงข้ามบ้านนางสาวบี กล่าวว่า ทราบปัญหาของนางสาวบีมาโดยตลอด แต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เพราะนางสาวบีก็บรรลุนิติภาวะแล้วบางครั้งก็เห็นมีชายหนุ่มมารับ บางครั้งนางสาวบีก็เดินออกจากบ้านไปเอง ซึ่งไม่รู้ว่าการออกนอกบ้านไปนั้นจะถูกข่มขืนหรือไม่ กระทั่งเห็นนางสาวบีตั้งครรภ์ 3 ครั้ง โดยครรภ์แรกทราบว่ามารดาไปแจ้งความจับคนที่ลงมือข่มขืนนางสาวบี แต่เมื่อคนก่อเหตุจ่ายเงินก็จบกันไป ส่วนครรภ์ที่สองและที่สาม ไม่ทราบว่าใครคือพ่อของเด็ก
นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อ กล่าวถึงการนำเจ้าหน้าที่ พมจ.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางสาวบี หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มล่อลวงไปข่มขืน ในครั้งนี้ว่า เนื่องจากมีชาวบ้านวังตอมาขอความช่วยเหลือว่า ให้ไปช่วยเหลือนางสาวบี ลูกสาวของนางเอ เพราะนางสาวบี ถูกชายหนุ่มในหมู่บ้าน และต่างหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่พัวพันกับยาเสพติด ล่อลวงด้วยเงิน 20 บาท 50 บาท หรือกาแฟ 1 ซอง พาออกจากบ้าน ไปข่มขืน จนตั้งครรภ์มีลูก 3 คน แต่มารดาไม่ยอมแจ้งความ หลังทราบเรื่อง ทราบชื่อที่อยู่ จึงให้เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนของเทศบาลบ้านค้อ ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง จนทราบว่า เป็นเรื่องจริง และในขณะที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่นั้น ยังถูกชายที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ของเทศบาลด้วย
“เทศบาล ไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะจับกุม หรือดำเนินการเกินกว่าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ จึงประสาน ไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น(พมจ.) ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เพื่อหาทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งประสานไปยังสภ.เวฬุวัน ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาพูดคุยกับมารดาและครอบครัวด้วย แต่จากการพถูดคุยกับ นางสาวบี ซึ่งสื่อสารได้ชัดเจน พูดคุยรู้เรื่อง แต่มารดาไม่อยู่ ทราบว่าไปหาเห็ด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาพูดคุยด้วยแล้ว แต่มารดา ซึ่งเป็นผู้ปกครอวของนางสาวบี ไม่อยู่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำได้เพียงเก็บข้อมูล และหารือกันในทางการช่วยเหลือ ซึ่งอาจจะหาอาชีพมาให้มารดาและนางสาวบี ทำที่บ้าน มารดาจะได้ไม่ต้องออกไปรับจ้างนอกบ้าน ส่วนในทางคดีนั้น เจ้าหน้าที่สภ.เวฬุวันก็จะพูดคุยกับมารดาว่าจะแจ้งความหรือไม่
Leave a Response