ความคืบหน้ากรณีหญิงถูกข่มขืนมาราธอนร่วม 20 ปี จนท้องไม่มีพ่อลูก 3 คน คนโตอายุ 17 ปี ถูกข่มขู่ไม่กล้าแจ้งความ จนชาวบ้านทนเห็นพฤติกรรมไม่ไหวแจ้งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อเข้าช่วยเหลือ ล่าสุด แม่กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้นางนกต่อแล้ว ด้านหญิงที่ถูกข่มขืนเผยจำอะไรไม่ได้เห็นแค่เงาผู้ชายเข้ามาหาแต่ไม่ใช่คน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านบ้านของนางเอ(นามสมมุติ) อายุ 57 ปี มารดาของ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ผู้ป่วยจิตเวช ชาวตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
หลังจากที่นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เวฬุวัน เจ้าหน้าที่ พมจ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่มาพบสองแม่ลูกที่บ้าน เพื่อหาทางช่วยเหลือ หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ให้ไปช่วยเหลือนางสาวบี ซึ่งถูกล่อลวงข่มขืนมาเป็นเวลาหลายปี จนตั้งท้องได้ลูกมาแล้ว 3 คน โดยคนที่ 3 เพิ่งคลอดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยกให้บ้านเด็กแคนทองไปเลี้ยงดู เพราะน้องบี มารดา ไม่มีรายได้ ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ อีกทั้งที่ผ่านมา นางเอ มารดาของนาวสาวบี ไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และช่วงที่นายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านค้อพร้อมคณะลงพื้นที่นั้น นางเอ มารดาไม่อยู่บ้านจึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่า มารดาจะแจ้งความหรือไม่ แต่ทางคณะได้หารือกันว่า จะหาอาชีพมาให้มารดาและนางสาวบีทำที่บ้าน ให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ จะได้ไม่ต้องออกไปรับจ้างนอกบ้าน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางเอ มารดาของนางสาวบีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวนั้น เกิดติดต่อกันมาร่วม 20 ปีแล้ว และลูกสาวก็ตั้งครรภ์มีบุตร 3 คน โดยคนที่ 3 เพิ่งคลอดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นบุตรชาย ด้วยความไม่พร้อมของครอบครัว จึงยกให้โรงพยาบาล ส่งต่อให้บ้านเด็กแคนทองไปเลี้ยงดู ในแต่ละวัน แม่ต้องออกไปรับจ้าง หารายได้เลี้ยงครอบครัว บางครั้งก็นอนค้างที่บ้านนายจ้าง ที่บ้านจังเหลือเพียงนางสาวบีอยู่เฝ้าบ้าน ที่ผ่านมาขณะแม่ไม่อยู่บ้าน ชาวบ้านตั้งวงสุราแล้วเรียกลูกสาวไปร่วมวงด้วยทุกครั้ง ลูกสาวก็ไป ซึ่งแม่ไม่รู้ว่า ช่วงที่ลูกสาวไปร่วมวงสุรานั้น จะเกิดอะไรขึ้นมา และไม่เคยทราบว่า ลูกสาวตั้งครรภ์ เพราะไม่เคยเห็นอาการแพ้ท้อง คิดว่าลูกสาวกินข้าวอร่อย จึงทำให้มีรูปร่างอ้วนขึ้น กระทั่งคลอดลูกออกมา ถามลูกสาว ลูกก็พูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แม่เล่ามูลเหตุลูกสาวโดนข่มขืน
นางเอ กล่าวอีกว่า เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ผู้หญิงคนเดิม มาเรียกลูกสาวไปร่วมวงสุราบ่อยๆ จากนั้นหญิงรายดังกล่าวก็ป่วยและเสียชีวิต ส่วนแม่ไม่ทราบว่าลูกสาวตั้งครรภ์ มาทราบเรื่องตอนที่มีชาวบ้านไปตามว่า ลูกสาวคลอดลูกอยู่บ้าน รีบกลับมาดู แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ปล่อยให้อสม.ทำคลอด และส่งลูกสาวไปรพ. หมอทำหมันให้ ส่วนหลานที่เพิ่งคลอดออกมาก็ยกให้บ้านเด็กแคนทอง เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง เมื่อลูกสาวออกจาก รพ.กลับมาอยู่ที่บ้านก็สอบถามถึงคนที่ข่มขืน จนตั้งครรภ์ ลูกสาวก็จำอะไรไม่ได้ บอกเพียงว่านอนหลับ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องใคร จะแจ้งความก็ไม่มีพยานหลักฐาน ที่จะกล่าวหาใครได้ เพราะลูกสาวตัวเอง จำอะไรไม่ได้เลย ส่วนคนที่สงสัยว่าจะเป็นคนจัดหา หรือล่อลวงลูกสาวออกจากบ้านไป จนถูกข่มขืนก็ตายไปแล้ว จึงทำใจด้วยการใส่บาตร หยาดน้ำ ให้อภัย คิดเพียงว่า กรรมใดใครก่อไว้ก็รับกรรมนั้นไป แม่จึงไม่ได้แจ้งความ แต่ถ้ามีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ และหาอาชีพมาให้ทำที่บ้าน ก็ยินดี เพราะแก่แล้ว ไม่อยากออกไปรับจ้างอีก
นางสาวบีจำไม่ได้ว่าใครข่มขืน
ในขณะที่นางสาวบี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่รู้เรื่องว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะขณะนอนอยู่ในห้องจำได้ว่า มีเงาปรากฏตัวขึ้นบ่อยครั้ง จึงไล่เงาให้ออกจากห้องไป จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีก เพราะจำอะไรไม่ได้เลย เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่คน เป็นเพียงเงาที่ปรากฏตัวขึ้นมาเท่านั้น
พมจ.และยุติธรรมจังหวัดขอนแก่นพาเข้าแจ้งความ
ล่าสุดเวลา 13.00 น.วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่สภ.เวฬุวัน นายธีรนิติ มรินนา เจ้าหน้าที่ พมจ.ขอนแก่น และ นางสาวสิริพร นราธร นิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น พานางเอ(นามสมมุติ) อายุ 57ปี( นางคำม่วง สีกวนชา) มารดาของ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ผู้ป่วยจิตเวช (ชื่อจริง นางสาวบัว พิจิตรอาจ อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.14 บ้านวังตอ ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น) ชาวตำบลบ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.นรินทร์ศักดิ์ รักความซื่อ รองสว.สอบสวน สภ.เวฬุวัน กรณีที่ นางสาวบี ถูกข่มขืน จนตั้งครรภ์และคลอดบุตรเพศชาย เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ภายหลังเข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือส่งตัวนางสาวบี ไปตรวจร่างกายที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ พมจ.ขอนแก่น ได้ประสานกับนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านค้อ นำรถกู้ชีพมารับตัวผู้เสียหายส่งรพ.เพื่อตรวจร่างกายตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ นางสาวสิริพร นราธร นิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงการพามารดาและนางสาวบี เข้าแจ้งความในครั้งนี้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แม้จะผ่านมาจนถึงขั้นคลอดบุตรแล้วก็ตาม แต่คนถูกกระทำคือผู้เสียหาย ที่จะต้องได้รับการเยียวยามตามกฎหมายยุติธรรม จึงได้มาแจ้งสิทธิ์ให้มารดาและผู้เสียหายทราบสิทธิ์ของตัวเอง แต่ก่อนจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมาย มารดาและคนถูกกระทำ คือนางสาวบี ต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มีการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอน และสรุปสำนวนคดีก่อน จึงจะได้รับสิทธิ์นั้น ซึ่งเมื่อทราบสิทธิ์ของตัวเองแล้ว มารดาและลูกสาวก็ยื่นคำร้องขอสิทธิ์นั้นเรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินทางมาแจ้งความ
นางสาวสิริพร กล่าวอีกว่า ภายหลังแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนไป ส่วนยุติธรรมจังหวัดก็จะมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี และจะได้ดำเนินการเยียวยาตามสิทธิ์ของผู้เสียหายในคดีอาญาต่อไป
ในขณะที่นางเอ มารดาของนางสาวบี กล่าวว่า ฟังรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดขอนแก่นแล้วก็มีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เกิดความสบายใจ จึงแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนหาตัวคนที่ข่มขืนลูกสาวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย และถ้ามีงานให้ทำที่บ้านก็จะสบายใจกว่านี้ จะได้ไม่ต้องออกจากบ้าน ลูกสาวจะได้ปลอดภัย ไม่ถูกข่มขืนซ้ำอีก
ทางด้าน พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้น เมื่อมารดาและผู้เสียหายซึ่งเป็นคนป่วยจิตเวช เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ทำการสืบสวนสอบสวน หาคนที่ทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายตามความผิดในมาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยขู่เข็ญประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิงเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกสี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันถึงสี่หมื่นบาท
Leave a Response