นายอำเภอชนบท ยืนยันชุมชนยั่งยืนไปได้สวยขยายพื้นที่เพิ่ม ช่วยเหลือครอบครัวติดยาเสพติดเป็นภัยสังคม 3 เดือนต้องขาวสะอาด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ที่วัดเจริญวารี บ้านโนนพะยอม ต.โนนพะยอม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท จ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยมี พ.ต.อ.ชาญศิลป์ นาสูงชน ผกก.สภ.ชนบท และ พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รองผกก.สืบสวน หัวหน้าชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน พร้อมด้วยผู้นำชุมชน และชาวบ้านโนนพะยอม ม.6 ม.8 และม.10 เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน
นายศักดิ์ดา ต้นคชสาร นายอำเภอชนบท กล่าวว่า ปัญหายาเสพติด ไม่ใช่เรื่องของใครบางคน แต่เป็นเรื่องของชุมชนและประเทศชาติ ที่ทุกคนทุกชุมชนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา หากครอบครัวใดมีปัญหาที่บุตรหลานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเกิดอันตรายตามมา อยากแก้ไขให้รีบมาพบเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ร่วมมือกันแก้ไข
ที่ผ่านมาโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ในพื้นที่อำเภอชนบทนั้น ได้ดำเนินการในพื้นที่บ้านโนนพะยอม ม.6 เพียงหมู่บ้านเดียว ซึ่งการนับเดินการที่ผ่านมาก็ถือว่าได้ผล เพราะชาวบ้านในพื้นที่ ม.6 ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ผู้ที่เคยเสพยาเสพติดก็ถูกคัดกรอง และตรวจปัสสาวะเรื่อยมา จนครบ 16 ครั้ง
โครงการดำเนินมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และจะสิ้นสุดโครงการในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งที่ผ่านมา มีชาวบ้านที่ติดยาบ้าแล้วทำร้ายมารดา เผาบ้านตัวเอง กลับตัว เดินมาหาเจ้าหน้าที่ขอเข้าร่วมโครงการและพร้อมรับการบำบัด ซึ่งขณะนี้มีอาการดีขึ้น ส่วนรายอื่นๆที่เสพยาเสพติด ก็ถูกคัดกรอง นำเข้าสู่ขบวนการบำบัดรักษา
นายอำเภอชนบท กล่าวอีกว่า เมื่อโครงการกำเนินการมาเดือนกว่า ผู้นำชุมชนในพื้นที่เห็นความเปลี่ยนแปลงก็จัดสรรงบประมาณมาสนับสนุน ให้โครงการดำเนินการต่อ โดยขอขยายพื้นที่จากม.6 ก็ให้ดำเนินโครงการต่อในพื้นที่ม.8 และม.10 ซึ่งมีประชากรประมาณ 1,207 คน จำนวน 333 ครัวเรือน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน ได้ทำการตรวจคัดกรองประชาทั้งหมดตั้งแต่อายุ 16-64 ปี ในเบื้องต้นพบผู้เสพยาเสพติดและติดสารเสพติดจำนวน 41 ราย ในจำนวนนี้มีเยาวชนรวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายนำทั้ง 41 คน เข้าสู่การบำบัดรักษา เพื่อให้หายขาดจากการติดสารเสพติดจากนั้นหากหายขาดแล้ว ใครมีความถนัดในอาชีพใด และอยากประกอบอาชีพ เจ้าหน้าที่ก็จะช่วยแนะนำ และหากเป็นเยาวชนอยากศึกษาต่อ กศน.ก็รับเข้าไปสู่การศึกษาได้ ขอยืนยันว่า โครงการชุมชนยั่งยืนนั้น ทำให้คนติดสารเสพติด กลับมาเป็นคนดีในสังคม ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านโนนพะยอม ทำได้แล้ว แม้ยังไม่ 100% แต่ก็ถือว่าร่วมมือร่วมใจพากันผ่านมาได้ด้วยดี เท่ากับว่า ทุกคนได้รับรางวัลชีวิตใหม่ที่สดใสและดีงาม ชุมชนน่าอยู่ และการจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็จะยั่งยืนได้ด้วยชุมชนตลอดไป
ทางด้าน พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รองผกก.สืบสวน หัวหน้าชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน กล่าวว่า การดำเนินการชุมชนยั่งยืนนั้น นอกจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมขนแล้ว ยังต้องสร้างความเชื่อมั่น เชื่อใจให้ชาวบ้าน กล้าท จะเข้ามาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีน้ำใจ ให้กำลังใจกับชาวบ้านในชุมชน ซึ่งในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการร่วมพัฒนาในส่วนอื่นร่วมกันไปด้วย ทำให้การดำเนินในลำดับแรกคือพื้นที่บ้านโนนพะยอม ม.6 นั้น ราบรื่น ผู้นำชุมชนและชาวบ้านก็ร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชายวัย 40 ปี ที่เคยเผาบ้านและทำร้ายมารดานั้น ตอนนี้บุตรชายมาร่วมโครงและเข้าบำบัด ด้วยการให้ชุมชนช่วยบำบัด คือชาวบ้านต้องไม่รังเกียจ ในสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ชาวบ้านต้องให้กำลังใจกัน ซึ่งขณะนี้ชายคนดังกล่าวก็อาศัยอยู่ในชมชนเป็นปกติ มารดาก็สามารถทำมาหากินได้
เมื่อการดำเนินการโครงการเห็นผลออกมาในเชิงบวก นายสมพร กองกะมุด นายก อบต.โนนพะยอม ซึ่งคอยติดตามและเยี่ยมชมการดำเนินโครงการมาตลอด เห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยให้ชาวบ้านห่างไกลยาเสพติด จึงให้งบประมาณมา เพื่อให้โครงการดำเนินการต่อในพื้นที่บ้านโนนพะยอม ม.8 และม. 10 ซึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัว เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปคัดกรองในหมู่บ้าน จนพบกับมารดาที่มีปัญหาเรื่องบุตรสาวอายุ 41 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาชาวต่างชาติ ที่มีบุตรด้วยกัน 5 คน แต่หลังจากโควิดระบาด สามีต่างชาติทิ้งไป บุตรสาวก็มีสามีใหม่ เป็นคนเสพและขายยาเสพติด ทำให้บุตรสาวติดยาเสพติดอย่างหนัก มารดาจึงอยากให้เจ่าหน้าที่เข้าไปเกลี้ยกล่อมให้บุตรสาวเข้าร่วมโครงการ เพราะห่วงลูกสาวและหลานๆอีก 5 คน จะเติบโตมามีอนาคตที่ไม่ดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายกำลังหารือกันในเรื่องที่จะเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้หญิงรายดังกล่าวมาเข้าร่วมโครงการฯ
“ขอยืนยันว่า การกำเนินการชุมชนยั่งยืนนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าไปจับกุม ดำเนินคดี แต่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือให้คำปรึกษา ช่วยเหลือในด้านการหาอาชีพมาให้ทำ เพื่อจะได้มีรายได้มาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว จึงอยากจะบอกชาวบ้านว่า อย่ากลัว ขอให้บอกความจริงมา เจ้าหน้าที่พร้อมให้การช่วยเหลือ นำคนที่ติดยาเสพติดไปบำบัดรักษา ให้เขากลับมามีชีวิตที่ดีและอยู่ในสังคมที่ดีได้ ซึ่งการดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืนนั้น ดำเนินการภายใน 3 เดือน ต้องมีผลสรุปที่ออกมาเป็นผลบวก ชุมชนขาวสะอาด ปลอดภัยจากยาเสพติด”
Leave a Response