รองผู้อำนวยการโรงเรียน ร้องกำนันช่วยเหลือ หลังถูกชายในหมู่บ้านตามคุกคาม มโนว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน หาเงินมาสร้างบ้านให้กว่า 3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่รู้จักกันและไม่เคยอยากรู้จัก แจ้งความสองครั้งแต่ตำรวจไม่สามารถช่วยได้ ให้เหตุผลว่าเหตุมันยังไม่เกิด ตั้งคำถามต้องเกิดเหตุแบบไหน ต้องบาดเจ็บหรือตายก่อนจึงจะสามารถช่วยประชาชนได้ใช่หรือไม่
นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด บ้านของ ครูอิน รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น บันทึกภาพชายคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน ทราบชื่อภายหลังคือ นายอารักษ์ อายุ 42 ปี เแล้วตะโกนโวยวายข้ามรั้วเข้ามา ซึ่งไม่รู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้มาก่อน แต่ชายดังกล่าวนโมเอาเองว่าตัวเองรู้จักกับคนในบ้าน และเคยคบหาเป็นแฟนกับรองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ให้เงินสร้างบ้านหลังนี้กว่า 3 ล้านบาท และเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรก แต่เป็นเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยชายดังกล่าวมาทวงถามเรื่องปืนซึ่งเป็นเรื่องนโมขึ้นมาอีกเช่นกัน มาถามหาปืนที่ฝากไว้ พร้อมกับเอกสารทิพย์ โดยเวลาดังกล่าวรองผู้อำนวยการไม่อยู่ที่บ้าน แต่มีพี่สาวของรองผู้อำนวยการโรงเรียนฯอาศัยอยู่ที่บ้าน ตะโกนโต้เถียงว่าไม่มีปืนไม่มีเอกสารอะไรทั้งนั้น ก่อนที่ชายดังกล่าวจะถามหา รอง ผอ.รร. แต่ไม่อยู่บ้าน ทั้งยังท้าทายว่าถ้าตัวเองทำผิดก็ให้แจ้งตำรวจมาจับตัวเองเลย โดยพี่สาว รอง ผอ.รร.ก็บอกไปว่าแจ้งตำรวจมาจับทุกครั้ง แต่เขาก็ปล่อยมามาเหมือนเดิม ไม่รู้จะโทรแจ้งทำไม ก่อนจะไล่ไปไกลๆอย่ามารบกวนคนอื่นแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป ชายดังกล่าวก็ยังไม่หยุด พยายามถามหารอง ผอ.รร. อยากจะเจอหน้าให้ได้ พี่สาว รอง ผอ.รร.จึงบอกว่าอย่ามารบกวนคนอื่น อย่ามายุ่งกับเมียคนอื่น ไปช่วยเหลืองานพ่อแม่มึงเถอะ ทำให้ชายดังกล่าวร้องตะโกนขึ้นมาบอกว่า รอง ผอ.รร.เป็นเมียของตัวเอง และยังด่าทอพี่สาว รองผอ.รร.และท้าทายให้รีบไปแจ้งความมาจับ พร้อมข่มขู่จะฆ่าคนในบ้านแล้วขับรถจักรยานยนต์ออกไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม 2565 ที่ นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอน้ำพอง พร้อมด้วยทีมงานผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยฯ ลงพื้นที่รับทราบปัญหาหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ครูอิน รอง ผอ.รร. อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านวังชัย ม. 16 ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่ามีคนในหมู่บ้านก่อเหตุคุกคาม ข่มขู่ สร้างความเดือดร้อนรำคาญกับตัวเองและชาวบ้านคนอื่นๆ หลังรับทราบข้อมูลจึงได้ประสานไปยัง ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รองสว.สอบสวน สภ.น้ำพอง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบและระงับเหตุด้วย
โดย ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รองสว.สอบสวนสภ.น้ำพอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและสายตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอน้ำพอง ลงพื้นที่สมทบดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
จากการสอบถามนางสาวอิน(นามสมมุติ) อายุ 57 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมชื่อดังในเมืองขอนแก่น เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชายดังกล่าวเข้ามาคุกคาม พร้อมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนรับราชการ ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองขอนแก่น มีบ้านพักอยู่ในเมืองขอนแก่น ส่วนจุดเกิดเหตุคือบ้านเกิด ที่อาศัยอยู่กับพี่สาว ส่วนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนายอารักษ์นั้น เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้สองครั้งคือ ทั้งการให้ร้ายในเรื่องที่แอบอ้างมโนเอาเองว่า เป็นสามีมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น แถมยังอ้างอีกว่าตนทิ้งเขาไป รวมถึงกล่าวหาว่าตนเองเอาเงินของชายดังกล่าวมาสร้างบ้านกว่า 3 ล้านบาทและยังฝากปืนฝากเอกสารสำคัญเอาไว้ด้วย คำพูดเหล่านี้ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เสื่อมเสียชื่อเสียงได้ เคยแจ้งความกับตำรวจสภ.น้ำพองแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้
จากนั้นไม่นาน นายอารักษ์ ก็บุกรุกเข้าในบ้าน อ้างว่าทวงเอกสารสำคัญและทวงอาวุธปืนพร้อมเงินสดหลายล้านบาทในตู้เซฟ ซึ่งทั้งหมดไม่มีความจริงแม้แต่น้อย เพราะตนไม่เคยสุงสิง ไม่เคยพูดคุยหรือทักทายกับนายอารักษ์แม้แต่ครั้งเดียว ด้วยอาชีพ หน้าที่การงานก็ไม่มีความเชื่อมสัมพันธ์กันที่จะต้องสื่อสารหรือคุยกัน จึงเป็นการกล่าวหาใส่ร้าย ทำให้เสื่อมเสียและตกใจกลัว จึงแจ้งความกับตำรวจสภ.น้ำพองเป็นครั้งที่สองก็ยังไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เพราะตำรวจบอกว่าเหตุมันยังไม่เกิด ซึ่งตรงนี้ตนเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าต้องรอให้เกิดเหตุแบบไหนจึงจะแจ้งความได้ ต้องตายหรือได้รับบาดเจ็บก่อนหรือจึงจะแจ้งความได้ ถ้ารอตอนนั้นตนเองคงตายก่อนจะได้แจ้งความ ซึ่งครั้งที่สองนี้ทางตำรวจไปจับกุมนายอารักษ์ที่บ้านก็พบว่ากำลังเสพกัญชาอยู่ ตำรวจจึงนำตัวส่งที่รพ.น้ำพอง เพื่อทำการบำบัดรักษา 3 วันก็ออกจากโรงพยาบาล และยังคงเที่ยวพูดมโนไปเหมือนเดิมว่าตนเองเป็นภรรยา บ้านที่สร้างเป็นเงินของชายดังกล่าว
นางสาวอิน กล่าวอีกว่า จนกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา นายอารักษ์ไปที่บ้าน 3 ครั้ง แต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะปิดล็อคประตูทางเข้าบ้าน จึงมีการตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคาย และท้าทายให้แจ้งตำรวจ รวมถึงข่มขู่ฆ่าทั้งครอบครัว ที่หน้าบ้าน 3 ครั้ง ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้ จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันทราบเรื่อง พร้อมขอความช่วยเหลือ ในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาควบคุมตัวรายอารักษ์ ออกนอกพื้นที่ หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเกรงว่าจะก่อเหตุรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง นอนไม่หลับห่วงพี่สาวอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะตนเองอาศัยอยู่บ้านในเมืองขอนแก่นเนื่องจากต้องไปทำงานในตัวเมืองว่างก็ต้องรีบมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพี่สาว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำยังไงก็ได้ไม่ให้ชายดังกล่าวมาคุกคามกันอีกเพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและไม่เคยอยากจะรู้จักด้วย
ทางด้าน นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง กล่าวว่า รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้เสียหาย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดติดต่อกัน 3 ครั้ง จึงประสานนายอำเภอน้ำพองและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันลงพื้นที่ระงับเหตุ และรวบคุมตัว นายอารักษ์ ซึ่งต้องควบคุมตัวไว้ เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายและเข้าสู่การบำบัดรักษา เพราะในเบื้องต้นทราบว่า นายอารักษ์เสพกัญชามานาน ขู่ฆ่าพ่อแม่ จนอยู่อาศัยที่บ้านไม่ได้ แล้วก็คุกคามชาวบ้าน จนชาวบ้านเกิดความกลัว แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความ กระทั่งเกิดเหตุกับรองผู้อำนวยการฯและมีการร้องขอความช่วยเหลือมา จึงร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมตัวนายอารักษ์ไว้ได้ ซึ่งต้องประสานแพทย์เพื่อตรวจสอบว่า นายารักษ์เสพกัญชาแล้วมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วยหรือไม่ เพราะถ้ายังใจเย็นปล่อยไว้อาจเกิกดอันตรายกับคนในครอบครัวและชาวบ้านได้
ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รองสว.สอบสวนสภ.น้ำพอง กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับแจ้งจากทางกำนัน ทางตำรวจเองก็รีบเข้าไปดำเนินการทันที และจากการสอบสวนรองผู้อำนวยการฯ ก็เข้าใจความรู้สึกเพราะคำพูดที่นายอารักษ์พูดออกไปนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้ได้ ทั้งยังมีพฤติกรรมที่น่ากลัว ซึ่งขณะนี้ได้ประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปติดตามตัวนายอารักษ์ มาสอบสวนแล้ว เมื่อได้ตัวนายอารักษ์มาแล้วก็จะมีการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย ประพฤติตนวุ่นวาย , หมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ซึ่งภายหลังแจ้งข้อกล่าวหา ก็จะส่งฟ้องที่ศาลตามขั้นตอนต่อไป ส่วนโทษจะหนักจะเบา ปรับหรือจำคุกนั้น อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวบแล้ว!หนุ่มมโนอ้างเป็นสามีครูรองผอ. อ้างเคยเป็นตร.มือปราบยศสารวัตร ด้านพ่อแม่เผยความในใจ (มีคลิป)
Leave a Response