“ปะจัน” โดย “เขี้ยวจัน”
ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ประจัน ]
เปล่า เสี้ยม….แต่พลันที่ “ธนาธร” นำร่าง วาระพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่….) พศ. ….. เพื่อแก้ไขหมวดว่าด้วย การปกครองส่วนท้องถิ่น และการกระจายอำนาจ เข้าสู่รัฐสภา เรียกกันง่ายๆว่า เป็น “กฎหมายลูก” คือ พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่…) พศ…….พบว่า เนื้อหา ที่แทรก แนบ เนื้อใจของการแก้ไข ช่างแยบยล คิดได้ไง…..
เรื่องนี้ ถูก พิจารณา หลักการ 2 เรื่อง ใหญ่ๆ คือ งบประมาณ และ การบริหารจัดการ ภายในกรอบระยะเวลาในอีก 3 ปี ข้างหน้า
ต้องปรบมือ และให้เครดิต สว. ที่ทำหน้าที่กลั่นกรอง ด้วยหน้าที่ ที่ระบุและเป็นความหวังของชาติบ้านเมือง ชุดที่ทำหน้าที่ ทบทวน จนสื่อใช้คำแรงๆว่า “ชำแหละ” คือ อาการแหวะเข้าไปดู สาระสำคัญ ที่แอบไว้แบบมิดชิด ไม่ออกสื่อ แต่บอกเพียงว่า เป็นการกระจายอำนาจไปสู่ประชาชนในท้องถิ่นให้สามารถ บริหารตัวเองได้
พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการ การปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา นายทหารคนขยันอ่าน และ ตีความอย่างรอบครอบ ออกมาฟ้องสังคมทันที ว่า
1 เรื่อง งบประมาณ การแก้ไข ในครั้งนี้ ระบุว่า รัฐบาลต้องแบ่งงบประมาแผ่นดิน 50 % ให้องค์การบริหารจัดการส่วนท้องถิ่น จากอัตรา ปัจจุบัน คือ 29 %
อุแม่…เจ้า ขอไป เข้าโครงการ “คนละครึ่ง” เชียว รึ แต่พอจัดเก็บเอง บอกว่า จัดเก็บได้น้อย ด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ค้าขายไม่เซ็งลี้ มองทะลุมิติ หากเก็บมาก หรือเข้มงวด ย่อมกระทบฐานะเสียง ในพื้นที่ เพราะผู้บริหาร ท้องถิ่น ล้วนมาจากการเลือกตั้ง ขืนเก็บ ก็เสียฐานเสียง…ขอจากรัฐบาลกลางดีกว่า สบายดี ฐานเสียงก็ยังอยู่ครบ….อิ่มจัง…ตังค์อยู่ครบ….
เจ้าหน้าที่ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น มีจำนวน ราว 3 แสนคน ในขณะที่รัฐบาล มีข้าราชการ 3 ล้านคน ทั่วประเทศ แบ่งเงินไป ครึ่งหนึ่ง ย่อมไม่เป็นธรรม และอาจต้องยุบบางหน่วยงาน หรือ ลดจำนวน เพราะเงินไม่พอใช้
2 โครงสร้างการบริหารงาน บูดเบี้ยว “คนกำเงิน” ย่อมเสียงดัง หากเทียบเบอร์ “ผู้ว่าราชการ -พ่อเมือง” ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จากส่วนกลาง และ “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด “ เบอร์หนึ่ง จากคะแนนเสียงเลือกตั้ง หากกำเงินคนละครึ่ง แต่ภาระงานต่างกัน หลับตาคิดกันต่อได้เองว่า ใครใหญ่กว่ากัน จึงมีคำพูดว่า “ผู้ว่าฯคิด นายก อบจ.จ่าย “
ถอดรหัส แบบ ไม่เกรงใจกัน คือ นายก อบจ. ขอนแก่น-พงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ จะใหญ่กว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น-ไกรสร กองฉลาด กระนั้น ฤา….???
คิดตามต่อกันนะ….หาก การแก้ไขครั้งนี้ผ่าน… แต่ละจังหวัดจะ ประหนึ่ง “รัฐอิสระ” ราชอาณาจักรไทย จะล่มสลาย และมี “มุมทะแยงขึ้นฟ้า” แค่คิดก็ “ปวดตับ” แหละ “ ธร…เรื่องใหญ่มากนะ คิดได้ไง อ่ะ ”….
การแก้ไข ฉบับ นี้ จึง “แท้ง” ไปเรียบร้อยแล้ว…..เฮ่อ….โล่ง ได้อีกเรื่อง….
Leave a Response