คืบหน้า อดีตตำรวจสภ.ซำสูงใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ยิงวัยรุ่นจนเสียชีวิต ล่าสุดญาติและชาวบ้านหวาดกลัว จึงทำเรื่องคัดค้านการประกันตัว เผยนิสัยผู้ก่อเหตุหากดื่มเหล้าแล้วจะจำใครไม่ได้ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าตลอดและข่มขู่ชาวบ้านไปทั่ว ขณะที่ ผกก.สภ.ซำสูงยืนยันให้ความเป็นธรรม
จากกรณีเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ซำสูงได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิต 1 ราย ภายในร้านซ่อมรถในพื้นที่บ้านคูคำ หมู่2 ต.คูคำ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบนายธีรภัทร เนื่องคำจันทร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 ม.2 ต.คูคำ ถูกอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ยิงใส่ที่ใบหน้า เลือดอาบนอนหงายหายใจรวยรินอยู่บนพื้นดินในบริเวณร้านซ่อม ก่อนที่ชาวบ้านจะเรียกรถพยาบาลนำตัวส่งรักษาบาดแผล แต่เนื่องจากกระสุนเข้าที่ใบหน้าและเสียเบือดมาก ทำให้ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุคือ ร.ต.ท.เบญจรัตน์ สุขรัตน์ อายุ 68 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ ซึ่งถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ภายในบ้าน ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ซำสูง
ล่าสุด เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 1 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าในทางคดีไปยัง พ.ต.อ.สว้สดิ์ ศรีแสนยง ผกก.สภ.ซำสูง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ลงพื้นที่และทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมทั้งควบคุมตัวอดีตข้าราชการตำรวจรายนี้มาสอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ยิงใส่ผู้ตายจริง อ้างว่าเข้าไปตักเตือนกลุ่มผู้ตายไม่ให้ซ่อมรถจักรยานยนต์เสียงดังแล้วเกิดการโต้เถียงขึ้น ทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดโมโหประกอบกับเมาสุราจึงเดินไปหยิบเอาปืนลูกซองเบอร์ 12 ในบ้านมายิงใส่เข้าไปในกลุ่มผู้ตาย 1 นัด แล้วเดินเข้าบ้านรอมอบตัว ก่อนทางตำรวจจะคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก และนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเมื่อวานที่ผ่านมา โดยในวันนี้จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวส่งฟ้องศาลฝากขังในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและความผิดเกี่ยวกับ พรบ.อาวุธปืน ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ตายที่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 2 พบว่าบรรยากาศมีญาติพี่น้องและชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งเพื่อนๆของผู้ตาย แต่งกายไว้ทุกข์มาร่วมไว้อาลัย กับการจากไปของผู้ตายซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวบ้านบอกว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงและหากดื่มเหล้าก็จะยิงปืนขึ้นฟ้าและข่มขู่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้และเป็นปัญหามานานหลายปีตั้งแต่ผู้ก่อเหตุเกษียณอายุราชการประมาณสองสามปีที่ผ่าน ทำร้ายคนในหมู่บ้านหลายคนแต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าเรื่องก็เงียบจบไป
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ นายแสง ไชยเดช อายุ 72 ปี 120 ม.2 ตาของผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าร้านตนเองไม่เคยไปเที่ยวหาเรื่องละลานใครและไม่เคยมีปัญหากับผู้ก่อเหตุมาก่อน อีกทั้งหลานเป็นคนที่สติไม่สมประกอบเนื่องจากอุบัติเหตุตั้งแต่เด็ก ทำให้สมองสั่งการช้าในวันเกิดเหตุนั้นเท่าที่คุยกับเพื่อนหลาน เป็นจังหวะที่หลานชายกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ใกล้กับกำแพงรั้วบ้านผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นที่ติดกันจังหวะนั้นเพื่อนของหลานเห็นว่ามีปลายปืนยาวเล็งมาที่หลานชาย เพื่อนหลานชายจึงตะโกนบอกให้หมอบลงแต่คาดว่าหลานชายอาจจะสมองสั่งการช้าจนถูกยิงเข้าที่ใบหน้าเต็มๆ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ตนเองและครอบครัวรับไม่ได้ต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ต้องมาสูญเสียหลานชายคนนี้ไป
ตาของผู้ตายบอกอีกว่าหลังจากเกิดเหตุตนเองและชาวบ้านต่างรู้สึกหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากผู้ก่อเหตุเคยเป็นอดีตข้าราชการตำรวจในพื้นที่เคยทำร้ายข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับอดีตข้าราชการตำรวจรายนี้ได้เลย พอมาถึงเหตุการณ์ของหลานชายตนเองก็กลัวจะเป็นเช่นเดียวกันไม่อยากให้เรื่องเงียบอยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากถามว่าอโหสิกรรมให้ไหมก็อโหสิกรรมให้แต่ไม่ขอพบหน้าไม่ขอพูดขอให้กฎหมายเอาผิดผู้ก่อเหตุได้ตนเองและชาวบ้านก็จะเกิดความสบายใจขึ้นและเชื่อมั่นในกระบวนการของกฎหมายมากขึ้นกว่านี้ พร้อมกันนี้ตนเองได้ขอทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วยเนื่องจากกลัวว่าจะออกมาก่อเหตุกับคนอื่นอีกและเป็นอันตรายต่อชาวบ้านทุกคนในพื้นที่ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวงขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดด้วย
ขณะที่นายจำนอง สะตะ อายุ 64 ปี 98 ม.2 ลุงของผู้ตาย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าหลานชายตนเองเป็นคนดีไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตแบบนี้ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นบุคคลอันตรายชาวบ้านทุกคนในพื้นที่ต่างรู้นิสัยและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการประทะและระวังตัวตลอดเวลาหากรู้ว่าผู้ก่อเหตุดื่มสุราเพราะเวลาที่ผู้ก่อเหตุดื่มสุราก็จะ มีนิสัยที่ชอบหาเรื่องชาวบ้านที่อยู่ใกล้ตัวและชอบยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่จนเกิดความหวาดผวาไปทั้งหมู่บ้าน อยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพราะที่ผ่านมายังไม่สามารถดำเนินคดีกับอดีตข้าราชการตำรวจรายนี้ได้เลย เหมือนมีการวิ่งเต้นช่วยกันให้ชาวบ้านยอมจบแต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ขอบครัวไม่สามารถยอมได้
ขณะที่นางบรรจง ไชยเดช อายุ 60 ปี ยายของผู้ตายบอกว่า ชาวบ้านทุกคนที่อยู่รอบข้างผู้ก่อเหตุนั้นต่างหวาดผวาหวานกลัวกันทั้งหมดไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นกับใครเมื่อไหร่ ขอบครัวตนเองไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับครอบครัวผู้ก่อเหตุและยังเป็นญาติโดยสายเลือดกันด้วยซ้ำผู้ก่อเหตุก็มาที่บ้านมาถามไทยสารทุกข์สุกดิบทานข้าวหรือยังกินข้าวหรือยังแต่หากดื่มเหล้าเข้าไปก็จะกลายเป็นอีกคนละคนจะจับญาติพี่น้องไม่ได้และมักจะยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ขาใครมาสะกิดให้ผิดใจก็จะเข้าไปหาเรื่องข่มขู่จะหยิบปืนออกมายิงอย่างเดียว ตอนนี้ครอบครัวไม่ขออะไรมากขอแค่ให้เกิดความเป็นธรรมกับครอบครัวที่ต้องสูญเสียหลานชายจากเหตุการณ์นี้ไม่อยากให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีกอยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้จะเป็นญาติพี่น้องก็ตาม
Leave a Response