เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 2566 ที่ถนนกลางเมือง หน้าตลาดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และนายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล ขอนแก่น เขต 1 ร่วมกันลงพื้นที่หาเสียงในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยการนั่งรถซาเล้ง หรือรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ขับหาเสียงรอบตลาดสด โดยขับไปตามถนนกลางเมือง เลี้ยวซ้ายถนนศรีจันทร์ และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าเมือง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาดได้เป็นอย่างมาก ชาวบ้านบางรายหิ้วถุงกับข้าววิ่งเข้าไปทักทายและขอถ่ายภาพร่วมกัน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การเมืองตอนนี้ได้ประเมินไว้ 2-3อย่าง อย่างแรกในเรื่องของ ส.ส.เขต อยากได้มากกว่าบัญชีรายชื่อ ต่อมาคืออยากจะได้ ส.ส.ให้ครบทุกเขต และอย่างที่ 2 ในเรื่องป็อปปูล่าโหวตมากกว่าตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ และก็มั่นใจว่าเป็นไปได้ ในส่วนของความกังวลคงเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ คือการแบ่งเขตของ กกต. ต้องมีการประชุมกันใหม่ การไม่รายงานผลแบบเรียลไทม์ของ กกต. การใช้เวลาราชการมาหาเสียง การใช้ข้าราชการที่เพิ่งโยกย้ายมาให้เป็นประโยชน์ในการเลือกตั้ง
“ซึ่งในเรื่องนี้เราก็ไม่ประมาทแต่ในส่วนที่เราควบคุมได้อย่างการวางแผนลงพื้นที่หาเสียง วางแผนประกาศนโยบาย ประกาศว่าที่ผู้สมัคร ซึ่งในเรื่องนี้เราก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ เราจะลงพื้นที่ไปหาพี่น้องประชาชน เพื่อบอกนโยบายต่างๆให้ประชาชนได้ทราบนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด”
นายพิธา ยังกล่าวถึง กรณีที่พรรคใหญ่ๆอย่างเพื่อไทยเปิดตัวบิ๊กเนมมาโดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน ที่เพิ่งเปิดตัวมาเป็นทีมเศรษฐกิจว่า ในจุดนี้ก้าวไกลก็พร้อมที่จะแข่งขัน และพร้อมที่จะร่วมมือไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เพราะในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมืองเราตอนนี้เราต้องแข่งขันกันทางนโยบาย ทางออกที่ดีสำหรับเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันคืออะไร ปัญหาต่างๆจะแก้ยังไง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะกระทบเศรษฐกิจจะแก้อย่างไร เช่นน้ำท่วมน้ำแล้งที่ขอนแก่น เราจะแก้ปัญหาอย่างยังยืนอย่างไร แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาและมีโอกาสได้ร่วมมือกันก็ยินดีที่จะร่วมมือ
หากจะถามถึงฐานเสียงที่มีซึ่งใกล้เคียงกับฐานเสียงเพื่อไทยนั้น ในจุดนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย ก็ต้องมีพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน
“เชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดจะแสดงจุดร่วมสงวนจุดต่างในการทำงานร่วมกันได้ ตนเองเชื่อว่า ตั้งแต่ฝ่ายค้านร่วมกันมันคือส่วนผสมที่กลมกล่อม ต่างคนต่างมีจุดแข็งที่ต่างกันหากรวมกัน เป็น ครม.ก็จะมีส่วนผสมที่พอดี เพราะแต่ละพรรคมีดีทุกพรรคอยู่แล้ว”
Leave a Response