คืบหน้า หนุ่มหลอนยา แอบขโมยกุญแจรถพ่อไปเผา เผยสาเหตุเพราะรถมันสูงไป ถ้าเผาแล้วรถจะเตี้ยลง ก่อนจะมานั่งยิ้มมีความสุขบอกเห็นควันไฟลอยขึ้นฟ้าสวยดี ขณะที่ญาติๆผู้ก่อเหตุวอนรัฐแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ก่อนลุกลามไปทุกหย่อมหญ้า จากเห็นแค่ในข่าวก็มาเกิดกับลูกหลานตัวเองแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 317 หมู่ 10 ตำบลนาข่า อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่นายออม วางถังน้ำมันไว้หน้ารถแล้วจุดไฟเผา ก่อนจะเดินออกมานั่งดูความสวยงามของควันไฟที่พวยพุ่งออกมาจากรถยนต์ที่นายออมก่อเหตุ นำถังน้ำมันไปวางไว้แล้วจุดไฟเผาจนรถถูกไฟไหม้วอดทั้งคันซึ่งในขณะที่นายออมนั่งยิ้มดูความสวยงามของควันไฟอยู่นั้นมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรวมทั้งญาติพี่น้องของนายออมพากันออกมาช่วยกันดับไฟเพื่อไม่ให้ไฟลุกลามเข้าโรงสีและบ้านของนายออมที่อยู่สองข้างของตัวรถ
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พบกับพ่อของนายออมแต่ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลหรือพูดคุยกับสื่อมวลชนเนื่องจากยังโมโหและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่คิดว่าลูกชายจะลงมือก่อเหตุถึงขนาดนี้ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ออกไป
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พบกับนาย ขันโท แก้วสีบุตร อายุ 70 ปี ตาของนายออมซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันพาผู้สื่อข่าวเดินดูรถที่นายออมลงมือจุดไฟเผาก่อนจะไปนั่งดูไฟไหม้รถของพ่อตัวเองจนวอดทั้งคัน พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองกลับมาจากในหมู่บ้านกลับมาก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์ของพ่อนายออมอยู่ และเห็นหลานมานั่งอยู่ตรงถนนหน้าบ้านในลักษณะนั่งยิ้มมองควันไฟลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างมีความสุขพร้อมทั้งบอกว่าควันไฟสวยดีซึ่งขณะนั้นตนเองและชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างรีบหาน้ำมาดับไฟไม่ให้ลุกลามเข้าไปยังโรงสีและบ้านของครอบครัวนายออม โชคดีที่ช่วยกันดับไฟได้ทันไฟไม่ทันได้ลุกลามเข้าไปยังโรงสีและบ้านเรือนก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาควบคุมตัวนายออมไปที่โรงพัก
นายขันโทรบอกอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้รวมทั้งหลานชายตนเองด้วยไม่เคยก่อเหตุในลักษณะนี้เลยครั้งนี้เป็นครั้งแรกส่วนสาเหตุเชื่อว่ามาจากยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาที่ลุกลามแพร่วงกว้างออกไปอย่างมากในตอนนี้และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจากที่เคยเห็นแค่ในข่าวฆ่าพ่อฆ่าแม่เผาบ้านเผารถจนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุกับหลานตัวเองเป็นคนเผาและสาเหตุก็มองอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องของยาเสพติดส่วนตัวอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังเพราะชาวบ้านเองก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากทำได้แค่เฝ้าดูลูกหลานเฝ้าระวังไม่ให้ก่อเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นลูกหลานก็ยังสามารถก่อเหตุได้เพราะไม่ได้อยู่ในสายตาตลอด 24 ชั่วโมงกระทั่งแอบไปก่อเหตุและเกิดความเสียหายขึ้นก็อยากจะฝากในเรื่องการแก้ ปัญหายาเสพติดด้วย
พร้อมกันนี้ผู้สื่อได้พูดคุยกับแม่ของนายออม ทราบว่า ลูกชายติดยามานานประมาณ 6 เดือน เริ่มต้นพ่อเล่าให้ฟังมีผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเป็นนกต่อมาชวนลูกไปเที่ยว และออมก็เป็นคนขี้เกรงใจ คนเอายาเสพติดให้ลองก็ยากที่จะปฏิเสธ พอได้ลองก็เริ่มติดมาเรื่อยๆ กระทั่งสร้างร้านซ่อมให้ลูกช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแต่กลุ่มผู้เสพและเป็นทั้งญาติเลยพูดอะไรไม่ได้ กระทั่งผ่านมา 6 เดือน รู้ว่าเสพแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งแวดล้อมอยู่แบบนี้ทำอะไรไม่ได้ พ่อก็เอาใจลูก โอ๋ลูก กลัวลูกจะทำร้ายตัวเอง เพื่อนๆช่วยกันดู จะไม่ให้มีเรื่องยามาเกี่ยว ไม่คิดว่าออมจะเป็นได้แต่สมองถูกกินไปแล้ว จึงคิดหายาอย่างเดียว ลูกเสพแล้วนอน ยาไม่ออก
ต่อมา 18 ม.ค.66 มีอาการหลอน จึงพาไปหาหมอ ออมเล่าให้แม่ฟังตอนที่ไปเป็นทหาร เพื่อนทหารก็พาเสพ โดยเป็นทหารได้ 1 ปีก็ปลดประจำการออกมา แล้วบวช ช่วงบวชก็ยังไม่มีอะไร กระทั่งช่วงที่เปิดร้านซ่อมให้ เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงแกล้งพาไปบ้านพี่สาว โดยออมเอายาไปด้วย พ่อก็แอบเอาทิ้ง กระทั่งช่วงเดินทางเกิดเซี่ยนยา อยู่ไม่ได้ จึงพาไป รพ.เพื่อจะเข้าบำบัด ทำการรักษารับยากลับบ้าน แต่กินยาได้อาทิตย์เดียวก็ไม่ยอมกิน จึงให้ข้างบ้านหลอกล่อไปหาหมอที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น แต่ก็กินบ้างไม่กินบ้าง เพราะข้างบ้านมีเคส พาไปหาหมอกินยาตามนัดก็หาย แต่ลูกชายไม่มีใจที่จะเลิก แม้พ่อแม่จะพยายามหาทางเอาออกจากยาเสพติดขนาดไหนแต่ก็ไม่เป็นผล
“ออมไม่นอมกินยาทำตามหมอสั่ง นัดไป 3 ครั้ง ก็ไม่กินยาแล้วกลับเสพยามากกว่ากินยา พ่อแม่เอาให้กินไม่กิน ต้องให้ข้างบ้านเป็นคนเอาให้ถึงจะกิน ทางบ้านพยายามทำดีกับลูกไม่อยากให้ลูกมีความคิดอาละวาดเหมือนในข่าว หาทางออกแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แต่ประคองไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เหมือนอกหักอ่อนแอแล้วหันไปหายามากขึ้น วันนี้มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และมาดูลูก เอาข้าวเอาน้ำมาให้ลูกกิน ลูกยังใจดีอยากให้ซื้อให้พี่ข้างๆที่ติดคุกกินด้วย ลักษณะท่าทางปกติ ไม่ซึม เหมือนฤทธิ์ยายังอยู่ ตอนใส่กุญแจมือยังบอกตำรวจว่า “ใส่ค่อยๆแหน่เด้อผมเจ็บ” ตำรวจบอกให้นั่งก็ไม่นั่ง ผลักให้นั่งแต่ลูกรั้นไม่ยอมนั่งตำรวจก็บ้งคับให้นั่ง แม่เลยไปซ้ำเติมว่านี่แหละคือผลกับสิ่งที่ทำ เพราะออมเคยท้าแม่ว่าอยากให้ตำรวจจับเพราะในนั้นมีเพื่อน เหมือนตอนนี้ลูกได้รับกรรม สมองตอนนี้แม่คิดว่ากินสมองไปเยอะ เค้าพูดอยู่ว่าจะเผาบ้านแต่กลัวข้างบ้านไหม้ไปด้วย”
ด้าน ร.ต.อ.พงษ์พิชิต ธนาพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.มัญจาคีรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังรับแจ้งได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ดับเพลิง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 317 ม.10 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พบไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มาสด้า สีขาว 4 ประตู หมายเลขทะเบียน ขต 5836 ขอนแก่น อยู่บริเวณด้านหน้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยกันฉีดน้ำสกัด แต่ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วได้รับความเสียหายทั้งคัน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 4 แสนบาท พบถังน้ำมันมีน้ำมันดีเซลอยู่ในถัง วางอยู่เบาะรถฝั่งซ้ายของรถข้างคนขับ แต่ยังไหม้ไม่หมด มีน้ำมันเหลืออยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงนำออกมาวางไว้นอกรถ และช่วยกันดับไฟไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารโรงสีข้าวและบ้านเรือนของครบอครัวผู้ก่อเหตุที่อยู่ด้านข้าง ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ คือนาย มานุวัฒน์ อายุ 23 ปี หรือ นายออม จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุคือนายออม บอกว่า สาเหตุที่ลงมือเผารถยนยต์ในครั้งนี้ นายออมให้การกับตำรวจว่า เพราะรถยนต์สูงเกินไปอยากให้รถต่ำลง จึงคิดว่าถ้าจุดไฟเผาแล้วจะทำให้รถเตี้ยลง ก่อนจะมานั่งดูและยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์ต่อหน้าต่อตา
โดยในส่วนของคดีขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี ซึ่งจะต้องรอผลตรวจจากแพทย์ หากพบว่ามีสารเสพติดในร่างกายก็จะแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพิ่มเติม แต่ในเบื้องต้นนั้น การวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ ในส่วนของรถยนต์นั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีประกันภัย ซึ่งมูลค่าความเสียหายนั้นอยู่ที่ 4 แสนบาท โดยทางประกันภัยจะได้ทำการช่วยเหลือตามสิทธิ์ ในส่วนของทางคดีก็ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Leave a Response