“ปะจัน” โดย “เขี้ยวจัน”
ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ปะจัน ]
ผู้เขียนได้มีโอกาส ในการไปนั่งฟัง จากปากคำของวิทยากรในงานสัมมนาการนำเสนอยุทธศาสตร์ ของนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง–พตส.13 โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง–กกต. แบบตัวเป็นๆ ฟังด้วยหู ดูด้วยตา จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง สำหรับคอการเมือง คงรีบคลิ๊กเข้ามาอ่านกันล่ะซิ จึงต้องคั้นกะทิ เก็บวลีสาระสำคัญ แถมบรรยากาศ ที่ใครไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ คงไม่ได้สัมผัส และขอแบ่งออกเป็น 2 ตอน เพราะต่างกรรม ต่างวาระ ของ “คนในตำนาน” และคนรุ่นใหม่ ที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ อีกหน้าของการเมืองไทย และพรรคการเมืองไทย
ฉากทัศน์ หนึ่ง : ฉากทัศน์ การเมืองไทย “ชวน” คิด
ฉากทัศน์ สอง : ฉากทัศน์ พรรคการเมือง แบบไหน ที่คนไทยต้องการ
…………………………………………………………………………………….
“ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 อดีตประธานรัฐสภา–พี่เพิ่งอำลาตำแหน่ง (หลังการเลือกตั้ง เมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา) และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร
การทำงานเป็นนักการเมือง 54 ปี (สส.17 สมัย) ของ นักการเมืองท่านนี้ กลายเป็น“ตำนาน” ที่อยู่คู่กับเวทีการเมืองไทยมายาวนาน นานพอที่จะเห็นเหตุการณ์ การเปลี่ยนผ่านของอำนาจทางการเมือง จึงมีข้อสรุป ที่กลายเป็น ข้อเตือนใจ ฟังแล้ว เป็น “ฉากทัศน์” ที่น่าจะเป็นบทเรียน ให้นักการเมืองที่เข้ามาเสวยอำนาจ ได้คิดหนักๆ ว่า จะไม่ทำซ้ำรอยเดิม ทำร้ายบ้านเมือง และทำลายชื่อเสียงของตัวเอง–วงศ์ตระกูล
วิทยากร ท่านนี้ เดินทางเข้ามาในห้องสัมมนา ก่อนเวลาเล็กน้อย นัยว่าเพื่อให้ได้นั่งพักดูแนวทางเดินว่าจะขึ้นเวทีในทิศทางใด กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง พบว่า ยังมีอีกหลายคน จับกลุ่มเฮฮาถ่ายรูปเซฟฟี่ น่าตีจัง
เมื่อพิธีกรเข้าประจำที่ ประกาศการเริ่มงาน เสียงจึงเบาลง แต่ยังมีผู้คนเดินทักทายกันเดินเข้า–ออก คะเนว่าเป็น “แฟนคลับ” ของพรรคการเมืองของพวกเขา รวมทั้งทีมนักข่าวการเมือง ที่ตั้งกล้องรอ “แหล่งข่าว”
“ชวน หลีกภัย” ก้าวขึ้นเวที ด้วยมาดนุ่มนวล มีโน้ตชิ้นเล็ก ติดมือคงพอให้เป็นคำจำกล่าวทักทายทุกคน แล้วเริ่มปราศรัย ด้วยเสียงเคลียร์ชัดเจน ห้วงจังหวะ ลมหายใจสอดคล้องกับเสียงที่เปล่งออกมา
ชีวิตนักการเมืองมืออาชีพเริ่มต้น เมื่อ ปี 2511 เพราะเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น เลือกไปเป็น ศาล อัยการ นักกฎหมาย
ยุค “คึกฤทธิ์” มีนักการเมืองบางคนโกงบ้าน โกงเมือง
2514 ยุค “ถนอม–ประพาส” บ้านเมืองยุ่งเหยิง
ปี 2521 รัฐธรรมนูญ เขียนให้ “พลเอกเกรียงศักดิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี
ประชาธิปไตยเติบโต เบ่งบานในยุค “ป๋าเปรม” บ้านเมืองโชติช่วงชัชวาล
ตามด้วยยุค “ชาติชาย” เกิดบุฟเฟ่ต์คาร์บิเนท ทหารยึดอำนาจ เก้าอี้นายกฯ ไปที่“อานันท์”
ปี 2535 “ชวน” เข้ามานั่งเก้าอี้นายกฯ เกิดกรณี สปก. ต้องยุบสภา ต่อมือด้วย “บรรหาญ” และ “ชวลิต” จนเกิดฟองสบู่แตก ต้มยำกุ้ง กลายเป็นลูกหนี้ IMF “ชวน” กลับมากอบกู้ศรัทธาอีกรอบ ทำงานเกือบ ครบวาระ 4 ปี ขาดอีกเพียง 7 วัน ก็ประกาศยุบสภาฯ
ปี 2544 “ทักษิณ” ก้าวสู่อำนาจ รอบแรก ครบวาระ 4 ปี กลับมารอบสอง ปี 2549 ก็ถูกปฏิวัติ ด้วย 4 ข้อหา คือ แทรกแซงองค์กรอิสระ หมิ่นในหลวง ทุจริต และสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง
มาถึงยุค “สมัคร” “สมชาย” “ยิ่งลักษณ์” ถูกปฎิวัติ เมื่อบ้านเมืองเดินถึงทางตัน…
ยุค “คชส” และ “ประยุทธ” 5 ปี ที่ไม่มีการเลือกตั้ง ”ผู้คนลืมความดี–ความชั่ว” เมื่อมีการเลือกตั้งปี 2562 จึงต้องช่วยกันประคับประคอง ให้อยู่จนครบวาระ
……………………………
วันนี้ เรามีรัฐบาลแล้ว ด้วยฉากทัศน์ ของเสียง 314 เสียง น่าจะเข้มแข็ง ภายใต้รัฐบาลเสียงข้างมาก
บทเรียนในอดีต พบว่าวิกฤติทางการเมือง มักเกิดจาก “ความคะนองอำนาจ” และการออกนอกหลัก “นิติธรรม” เหตุการณ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีติดคุก ตำรวจติดคุก ข้าราชการติดคุก เหตุเพราะ “เกรงใจ” เจ้านาย น่าเศร้าใจจริง
อย่างเหตุการณ์ที่ นครปฐม ไม่ควรสอบเฉพาะพื้นที่นั้น ควรสแกนทั่วทุกจังหวัด จึงจะเป็นธรรมทางกฎหมาย
กกต. ทำงานการเลือกตั้ง ไม่ควรทำงานเพียงลำพังหน่วยงานเดียว ทำงานเพียงเลือกตั้งแล้วจบกัน แต่ควรบูรณาการกับกระทรวงมหาดไทย เขาจะรู้กันในพื้นที่ว่าเป็นเขตอิทธิพลทางการเมืองของใครบ้าง คืน ”หมาหอน” ไม่มีแล้ว เพราะเขาทำกันล่วงหน้าวางแผนปูทางกันเป็นระบบ และสุดท้าย บ้านเรามีกฎหมาย มีขื่อ มีแปร “กฎหมายดีต้อง คู่กับ คนดี” และต้องมีแนวปฏิบัติที่เป็นไปได้…..
บันทึกช่วยจำ : ติดตามฉากทัศน์ที่สอง ในตอนต่อไป
Leave a Response