เงินเอ๋ย เงินฝาก

เงินเอ๋ย เงินฝาก
ปะจัน” โดย เขี้ยวจัน

ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ปะจัน ]

หลายท่าน คงผ่านสมัยวัยเด็ก ที่ทันกาลของห้วงเวลา ทุกวันเสาร์ ไป “ออมสิน” เพื่อฝากเงินค่าขนมที่เก็บงำมาตลอดสัปดาห์นั้น อาจเป็น 3 บาท 5 บาท 10 บาท ก็รักทั้งนั้น…..

“เงินเก็บ” หรือ “เงินออม”  ในสมัยนี้ เดิมมักต้องใช้กลวิธีว่า “ใช้ แล้ว เหลือ จึงจะเก็บ” แต่วันนี้ นักวางแผนทางการเงิน แนะนำว่า  “เก็บเงินไว้ก่อน ที่เหลือ ค่อยใช้ ”  ใช้อย่างประหยัดๆ แบบพอเพียงด้วยนะ ไม่จำเป็นไม่พิไรซื้อ จึงจะมีเงินเก็บ

“เก็บเงิน” เขาเก็บไว้ที่ไหนกัน ฝากแบงค์ ฝังตุ่ม ซื้อพันธบัตร ลงทุนในหุ้น มีหลายทาง เลือก

ในระบบสถาบันการเงิน ความสัมพันธ์ ของ “เงินฝาก” และ “เงินกู้” คือ สินค้า ที่ทำเงิน กิน “ส่วนต่าง” ระหว่างเงินให้กู้ กับ ดอกเบี้ยเงินฝาก เรียกภาษาชาวแบงค์ ว่า เป็น Net Interest Margin-NIM

สถิติล่าสุด จาก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พบว่า เงินฝากลดลง ในรอบสิบปี สาเหตุหลักมาจาก การบริโภคนิยม ค่าครองชีพสูงขึ้น ทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น เงินจึงกระจายตัวออกจากบัญชีเงินฝาก และที่มีอยู่ที่ร่อยหรอลงมาก แถมด้วยภาระเงินกู้ ที่นำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายในวันนี้ กลายเป็น “หนี้ครัวเรือน” ที่เรากังวลใจ เป็นหมากต่อมา

เป็นแนวโน้มที่น่ากังวลใจ (อีก)ไม่น้อย ว่า บัญชีเงินฝาก กว่า 81 ล้านบัญชี  (ราว 80% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด) มีเงินน้อยกว่า 50,000 บาท เป็นการหดตัวของจำนวนเงินฝาก และจำนวนผู้ฝากลดลงในทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อย รายใหญ่         แปลความ ง่ายๆว่า เงินในกระเป๋า พี่น้องประชาชนลดลง กำลังซื้อจึงลดลง กลายเป็นความจริง ว่า เศรษฐกิจบ้านเราไม่ฟู เหมือนวันก่อนเก่า ไงล่ะ….

“บริโภคนิยม” แปลว่า นิยมการ กิน อยู่ ใช้จ่าย แบบตามใจตัวเอง สุดจะห้ามใจ เมื่อมีสิ่งเร้า เช่น ซื้อหนึ่ง แถมหนึ่ง, ผ่อน แบบไม่มีดอกเบี้ย, ลดราคาตามวันเบิ้ล 11 เดือน 11 และอื่นๆ ตามฝีมือของนักการตลาดหัวแหลม

จริงอยู่ ที่การบริโภคเป็นตัวแปรสำคัญอีกตัวที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมี อีกหลายตัวแปร ที่ต้องสมดุล ถ่วงดุล การบริหารภาพรวมของประเทศ จำเป็นต้องบูรณาการ ด้วยการใช้ข้อมูลออกมากาง เป็นภาพตัดขวางร่วมกัน การส่งออก การนำเข้า เงินที่ไหลเข้า-ออก เป็นต้น

เงินฝากที่ลดลง จึงเป็นอีกภาพ ที่รัฐบาลต้องนำมาจัดวาง เศรษฐกิจภาพรวม ต้องใช้เวลาในการวางรากฐาน กว่าจะเห็นผล ใช้เวลาแรมปี เหมือน ความดีงาม ที่ต้องสะสม หาใช่ “ควิกวิน” ชงน้ำร้อนกินได้ในสามนาที ตามสไตล์ของนักการเมือง ที่วางกลยุทธเพียงให้ได้มาซึ่งอำนาจการบริหาร ฉกฉวย แล้วจากไป หรือติดกับดัก แห่งอำนาจ เดินเข้าคุกตาราง ก็เกิดขึ้นมาแล้ว

พี่น้องประชานล่ะ จะคิดอย่างไร ?? กับหลายนโยบาย เรายังยากจนเหมือนเดิม แต่บัญชีรายงานทรัพย์สินของนักการเมือง ไม่เคยพร่อง ไม่เคยจนลงเลย “อาชีพนักการเมือง” จึงเป็นที่หมายปอง ของผองนักเลือกตั้ง ด้วยการนี้แหละ…

เงินเอ๋ย เงินฝาก จึงขอจบลง แบบมะลิซ้อน…พอแตกใบอ่อนเป็น มะนิลา….

………………………………………………………………………

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง