ชุมแพ-พ่อตามคู่กรณีรุมทำร้ายลูกชายวัย 13 ปี มาคุย แต่ไม่หยุดแถมบิดจยย.ท้าทายหนี สุดท้ายขาขาด

IMG_4255
พ่อตามคู่กรณีรุมทำร้ายลูกชายวัย 13 ปี ผู้ใหญ่บ้านไปตามมาพูดคุยไกล่เกลี่ย แต่ไม่ยอมมาแถมบิดรถจักรยานยนต์ท้าทายเสียงดัง พ่อขับกระบะตามให้มาคุย แต่ไม่ยอมจอดสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์บาดเจ็บ 3 ราย 1 ในนั้นขาขาด ตำรวจเรียกสองฝ่ายสอบสวนคลี่คลายคดี

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เพิก ชุมแพ” โพสต์ภาพเล่าเหตุการณ์อุบัติเหตุลงในกลุ่ม “คนอำเภอชุมแพ” โดยได้โพสต์ภาพนิ่งพร้อมข้อความระบุว่า “#อุบัติเหตุชุมแพ ! ! 11 พ.ย. 66 เหตุกระบะชนมอไซค์ มีผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 3ราย อาการสาหัสขาขาดหลุดกระเด็น 1ราย กู้ภัยต้องช่วยกันส่องไฟหาชิ้นส่วน 20.30 น. บ้านหนองไผ่เหนือ ก่อนถึงบ้านโสกก้อง ต.วังหินลาด กระบะขับชนวัยรุ่นขับมอ’ไชค์ซ้อน3 บาดเจ็บสาหัสส่งร.พ. ขาขาดท่อนล่าง 1ราย คนขับกระบะชี้แจงว่าลูกชายโดนกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ทำร้ายและขับ รถหนี เลยขับรถตาม บอกให้จอดรถ แต่ไม่ยอมจอด เลยขับพุ่งชนลกระเด็นคนละทาง รายละเอียด ข้อเท็จจริงคงต้องรอคำให้การทั้งสองฝ่าย (เป็น เพียงคำให้การของคนขับกระบะ)”

ต่อมาเวลา 10.30 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ขอพบกับ ร.ต.อ.สุพล ดุมกลาง รองสว.(สอบสวน)สภ.ชุมแพ เพื่อขอทราบรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผข-1837 ขอนแก่น ชนกับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว  ไม่ติดทะเบียน มีคนเจ็บขาดขาขวาขาด 1 ราย ทราบชื่อว่า นายวรัญญู อายุ 19 ปี อยู่ ม.8 ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และรถจักรยานยนต์พังเสียหาย กลายเป็นเศษเหล็ก เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา บนถนนสายชุมแพ-สีชมพู ในพื้นที่ บ้านหนองไผ่เหนือ ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

ร.ต.อ.สุพล ดุมกลาง รองสว.(สอบสวน)สภ.ชุมแพ  กล่าวว่า รับแจ้งอุบัติเหตุ รถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บ ที่บ้านหนองไผ่เหนือ ต.วังหินลาด จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ  เมื่อไปถึงก็พบรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ ตกลงไปในป่าข้างทาง โดยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งมีสภาพพังยับทั้งคัน ล้มอยู่ท้ายรถยนต์ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ผข-1837 ขอนแก่น และพบนายศราวุธ อายุ 37 ปี อยู่ ม.4 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น คนขับรถยนต์ ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ และพบคนเจ็บชื่อ นายวรัญญู อายุ 19 ปี ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาดที่บริเวณหน้าแข้ง และนายจีระศักดิ์  อายุ 18 ปี อยู่ ม.9 ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ บาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย ช่วยกันเก็บกู้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ จนพบขาท่อนล่างของนายวรัญญู ที่ขาดหายไป อยู่ใต้ท้องรถยนต์กระบะ จากนั้น จึงนำคนเจ็บและขาท่อนล่าง ส่งรพ.ชุมแพ เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือ

จากนั้นได้นำรถคู่กรณีมาเก็บรักษาไว้ที่สภ.ชุมแพ และทำการสอบสวนคนขับรถยนต์ ซึ่งนายศราวุธ  ให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุ ในช่วงเย็นวันที่ 11 พ.ย.นั้น  รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองไผ่เหนือว่า ลูกชาย อายุ 13 ปีชื่อ น้องเอ(นามสมมุติ) ถูกวัยรุ่น ในหมู่บ้านหนองไผ่ ทำร้าย ร่างกาย ขอให้มาพูดคุยกัน ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองไผ่เหนือ

เมื่อพ่อรับแจ้งจึงไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และขณะรอเจรจากับคู่กรณีที่ทำร้ายลูกชายนั้น ก็มีวัยรุ่น ในหมู่บ้านหนองไผ่ จำนวน 5 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันมาจอดหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับเร่งเครื่องเสียงดัง  โดยมีชาวบ้านบอกว่า ทั้ง 5 คน คือวัยรุ่นที่รุมทำร้าย ด.ช.เอ เมื่อพ่อได้ยิน จึงรีบเดินออกไป เพื่อเรียก 5 คนมาคุย แต่ทั้ง 5 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว พ่อจึงขับรถยนต์ตามไป จนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีคนเจ็บขาขาด และรถเสีญหายดังกล่าว

รองสว.(สอบสวน) สภ.ชุมแพ กล่าวอีกว่า หลังการสอบสวนคนขับรถรถยนต์ ก็ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เพราะต้องสอบสวนฝ่ายคนเจ็บ 3 คน คือนายจีรศักดิ์ อายุ 18 ปี คนขับรถจักรยานยนต์ นายศราวุฒิ อายุ 20 ปี คนนั่งกลาง และนายวรัญญู อายุ 19 ปี คนนั่งซ้อนท้ายและบาดเจ็บขาขวาขาด ซึ่งต้องสอบสวนให้ครบทั้ง 3 คนก่อน และหาก 3 คน จะเอาเรื่องและต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่ม ก็จะเรียกคนขับรถยนต์มาสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นจึวจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา

ทางด้าน นายศราวุธ  อายุ 37 ปี อยู่ ม.4 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น คนขับรถกระบะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า อุบัติเหตุนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง ภายหลังจากลูกชายถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างหมู่บ้านรุมทำร้ายร่างกาย หลังจากพาแฟนและแม่แฟนไปทำการรักษาแบบวิธีแพทย์แผนไทย ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ซึ่งช่วงที่ลูกชายโดนทำร้ายนั้นมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์หลายคน แฟนของลูกชายก็ถูกตีตามร่างกายไปด้วย และโดนทำร้ายต่อหน้าเพื่อนๆ และแม่แฟน และชาวบ้าน ก่อนที่จะพาไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายโดนทำร้าย จึงเดินทางไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อสอบถามรายละเอียดและดูบาดแผลลูกชาย โดยมีเพื่อนๆของลูกชายเห็นเหตุการณ์อยู่ด้วย ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านพอจะทราบตัวว่าเป็นใครและได้ไปตามมาพูดคุยให้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมาพูดคุยไม่ยอมมาเจอหน้า

ซึ่งระหว่างที่รอผู้นำไปตามมา ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขับขี่เสียงดัง มีการตะโกนขับขี่โหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ลักษณะเหมือนก่อกวน ก่อนจะมีคนบอกว่าคนนั้นแหละที่ทำร้ายลู฿กชายตนเอง ตนเองจึงบอกเดี๋ยวจะไปตามมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านให้ได้ มันจะได้จบ จึงขับรถกระบะตามไป โดยกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มา 2 คัน คันนึงซ้อน 3 อีก คันซ้อน 2 เมื่อขับตามมาถึงทางแยก คันที่ซ้อน 2 คันเลี้ยวเข้าหมู฿บ้านไป ส่วนอีกคันที่ซ้อน 3 ขับตรงไป ตนเองจึงขับตามคันที่จะตามได้สะดวกก่อนเพื่อจะได้เรียกจอดจะได้ติดตามที่เหลือมาคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน พอมาถึงทางคู่ขนานสามารถตีคู่ขึ้นมาได้ ก่อนจะตีคู่แล้วลดกระจกลงบอกให้จอดก่อน ให้มาคุยกันก่อน อย่าขับหนีไม่มีอะไรมาคุยกันก่อน ซึ่งมี 1 ในวัยรุ่นซ้อน 3 นั่งอยู่ตรงกลาง ไม่ใส่เสื้อ บอกให้คนขับรีบขับหนีไปไม่ต้องจอด ซึ่งรถตนเองตีคู่อยู่พยายามจะเรียกให้จอดทั้งดูข้างทาง แต่รถจักรยานยนต์ไม่จอดก่อนจะได้ยินเสียงชนแล้วรถก็ไถลไป ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจชนตามที่มีการโพสต์ในโซเชียล ซึ่งไม่ได้มีการมาสอบถามตนเองแบบนักข่าว แต่เขียนเอาเองแล้วนำไปลง มีเพียงแค่ถามนิดๆหน่อยๆแล้วเอาไปลง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเจตนาชนหรือตั้งใจ เพราะหากตั้งใจคงชนไปนานแล้ว แถมเด็กๆเหล่านี้เจ็บ ตนเองก็หาน้ำให้กิน อยู่ที่เกิดเหตุรอตำรวจมา

ด้าน เด็กชาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกชายของเจ้าของรถกระบะ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองไปหาแฟนกับแม่แฟนเพื่อพาไปทำธุระ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของแฟนอยู่อีกหมู่บ้านในตำบลเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุตนเองก็นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ โดยมีแฟนอยู่ด้วย จู่ๆ มีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนเดินมาทางตนเองอยู่ แล้ว 1 ในนั้นชี้มาที่ตนเองแล้วหาว่าตนเองไปมองหน้า ก่อนจะหันไปบอกกับพรรคพวกที่มาด้วยกันว่า คนนี้แหละพี่ที่มีเรื่องกับผม ด้วยความงงที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็ถามไปว่าคนไหนครับ พอพูดจบก็โดนต่อยที่คางอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่แฟนจะเข้ามากันช่วย แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่สนใจรุมทำร้ายทั้งตัวเองและแฟน ทั้งเตะ ทั้งต่อย ก่อนจะมีคนตะโกนขึ้นมา พวกกลุ่มวัยรุ่นจึงพากันขับรถจักรยานยนต์หนีไป ครอบครัวแฟนจึงพาไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งความกับตำรวจ และก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เคยเห็นคนที่ชี้บอกพรรคพวกว่ามีเรื่องกับตนเอง แต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ได้พูดคุยกันหรือมีปากเสียงกันแต่อย่างใด เพราะไม่รู้จักกัน กระทั่งพาพวกมารุมทำร้ายในครั้งนี้/////////////////

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง