ทราบชื่อหญิงถูกแทงในงานงิ้วแล้วไม่ใช่ทอมมีสามีและและมีลูก3คน

2023-12-06

ทราบชื่อหญิงที่ถูกมีดแทงเสียชีวิตในงานงิ้วอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นแล้ว เป็นชาวจังหวัดชัยภูมิมีลูก 3 คน อายุ 9 ปี อายุ 5 ปี และ 3 ปี ยังไม่รู้ว่าแม่เสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวฐานะยากจนไม่มีโทรศัพท์ใช้ หัวหน้ากู้ภัยบ้านอยู่ใกล้เห็นข่าว รับหน้าที่ประสานงานพาดูศพและพบตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนทันที แม่ผู้ตายไม่อโหสิกรรมให้ ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันไกล่เกลี่ยตกลงกันไม่ได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังญาติผู้เสียชีวิต โดยได้รับการประสานจากทางแอดมินเพจชุมชนข่าวขอนแก่น และทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งเป็นคนนำพาครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาดูศพและพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พล จังหวัดขอนแก่นคือนายศาสตราวุธ อินธิมาศ อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิระพยาบาล ฐาน80-215 สามสวน พานางทองพูน ภิญโญวัย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 235 ม.4 บ้านสามสวน ต.สามสวน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ มารดาของหญิงที่ถูกแทงตายในงานงิ้ว อ.พล เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พล เพื่อขอรับศพคนตาย กลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

นายศาสตราวุธ อินธิมาศ อาสาหน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิระพยาบาล กล่าวถึงการพามารดาของผู้ตาย เดินทางมารับศพลูกสาวในครั้งนี้ว่า เนื่องจากเพื่อนของนายประชา พลประจักษ์ อายุ 30 ปีสามีคนตาย โทรศัพท์บอกสามีคนตายว่า วิตตี้หรือ นางสาวิตรี อินทร์ภูเขียว อายุ 27 ปี ภรรยา ถูกฆ่าตายในงานงิ้วที่อ.พล สามีจึงให้เพื่อนตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงจากโซเชียล จนพบว่าเป็นเรื่องจริง เพราะสามีและญาติพี่น้องจำรอยสักที่อกข้างขวา และใต้ใบหูขวา รวมถึงรายสักที่นิ้วมือข้างขวาของคนตายได้ เมื่อแน่ใจว่าคนตายเป็นภรรยาตัวเอง จึงบอกมารดาคนตายให้ทราบเรื่อง มารดา จึงขอความช่วยเหลือ ให้พามาหาตำรวจสภ.พล เพื่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน

นางทองพูน ภิญโญวัย อายุ 54 ปี มารดาคนตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า มีลูก 2 คน คนตายเป็นลูกคนที่ 2 คนโตไปรับจ้างที่อื่น คนตายกับสามี มีอาชีพตระเวนขายลูกโป่งตามงานต่างๆและตามตลาดนัดทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ก่อนเกิดเหตุ ผัวเมียคุยกันว่าจะมาขายลูกโป่งที่งานงิ้วอ.พล โดยสามีเดินทางมาก่อน ภรรยาจะตามมาทีหลัง หลังจากสามีเดินทางไปขายลูกโป่งแล้ว วันต่อมาภรนยาก็ตามมา แล้วก็มาถูกฆ่าตาย ส่วนสามีขายลูกโป่งในงานงิ้วอ.พลเพียงวันเดียวก็ย้ายไปขายในพื้นที่อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ แต่สองคนไม่มีโทรศัพท์มือถือที่ติดต่อกันได้ สามีจึงไม่ได้บอกภรรยาในเรื่องของการย้ายสถานที่ขายลูกโป่ง เมื่อภรรยาไม่ทราบเรื่องจึงเดินทางมาที่งานงิ้วและเกิดเหตุ ถูกแทงตาย

“วิตตี้เป็นเสาหลักของครอบครัว มีรายได้จากการขายลูกโป่ง เลี้ยงพ่อที่แก่ชราตาบอด อายุ 87 ปี มีลูก 3 คน คนโตอายุ 10 ขวบอยู่กับย่า คนที่ 2 อายุ 4 ขวบ คนที่ 3 อายุ 2 ขวบครึ่งตนเป็นคนเลี้ยงอยู่ที่บ้าน และวิตตี้ ไม่ใช่ทอม เมื่อก่อนผมยาว แล้วก็ตัดผมสั้น เป็นคนมีสามีและลูก เมื่อวิตตี้ถูกฆ่าตายแล้ว ก็ไม่มีคนหาเลี้ยงครอบครัวกับลูก จึงอยากให้ครอบครัวของผู้ต้องหามาช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวตนด้วย ในทางคดีก็ให้ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม”

ทางด้าน พ.ต.ท.จันทรโรภาส ชัยลา รองผกก.(สอบสวน)สภ.พล กล่าวว่า ขณะนี้มารดาของคนตายมาติดต่อขอรับศพลูกสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิดในอ.บ้านแท่นจังหวัดชัยภูมิ โดยมารดายืนยันว่าคนตายเป็นลูกสาวตัวเองจริงๆจำเสื้ออผ้าที่คนตายสวมใส่ จำรอยสักที่อกข้างขวา จำรอยสักรูปดาวที่ใต้ใบหูขวา และรอยสักที่นิ้วมืองของลูกสาว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ไปรับศพคนตายที่ รพ.สิรินธร กลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ในขณะเดียวกันก็มีคณะกรรมการจัดงานงิ้วอ.พล รุ่นที่ 79 เดินทางมาพบมารดาผู้ตาย พร้องทั้งมอบเงินช่วยเหลือการจัดงานศพ จำนวน 10,000 บาท รวมทั้งยังมีผู้มีจิตศรัทธา ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ร่วมบริจาคเงินให้มารดา โดยผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวน 4,000 บาท

พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้แม่ของทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันโดยเบื้องต้นต่างฝ่ายต่างพูดในมุมของตัวเองโดยยังไม่สามารถตกลงกันได้ด้วยดี ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะพาทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ยกันในห้องต่อหน้าพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อดำเนินการดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งในช่วงที่ทั้งคู่คุยกันนั้น แม่ของผู้ก่อเหตุได้นั่งพับเพียบลงกับพื้นและพยายามขอโทษแม่ของผู้เสียชีวิต และพยายามอธิบายแทนลูกว่าเหตุการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวเนื่องจากลูกชายจะเข้าไปห้ามกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกันแต่ผู้ตายเข้ามาวุ่นวายไล่ให้ไปก็ไม่ไปทำให้ลูกชายแค่เอามีดออกมาขู่แต่หลังมือเข้าที่คอจนเสียชีวิตดังกล่าว ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิตไม่ยอมรับและไม่ให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้พูดในมุมของตนเองด้วยว่าลูกสาวตั้งใจเดินทางมาหาสามีซึ่งทำงานขายลูกโป่งตามตลาดนัดต่างๆแต่มาถูกฆ่าตาย สิ่งที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายเกินไปถ้าผู้ก่อเหตุโมโหก็แค่เดินหนีก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และถึงขอโทษไปลูกสาวที่ตายไปแล้วก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก///////

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง