“ปะจัน” โดย “เขี้ยวจัน”
ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ปะจัน ]
โจทย์ในใจของนักการเมือง คือ สมการเสียงข้างมาก ที่นโยบายใด กิจกรรมใด ที่เทเอียงไปยังกลุ่มคนเสียงข้างมาก กลุ่มก้อนใหญ่ พวกเขามักเลือก ที่จะลงมือทำ กรณีที่ต้องการฐานเสียงมาค้ำจุนเก้าอี้ แห่งการกุมอำนาจ
การออกมา “ว้าก” ของ “นายกฯ เศรษฐา” กรณีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ที่จะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 01 มกราคม 2567 นี้ จึงเป็นเป็นอาการ “เหวี่ยง” ว่า ปรับน้อยเกินไป……..
ขยายความ จากเรื่องนี้ ท่านผู้อ่าน ควรมีใจเป็นกลาง และกาง ความสมดุล ของ 3 ฝ่ายออกมาตอบโจทย์ร่วมกัน อย่าได้เอาใจเอียง เข้าข้าง ลูกจ้าง ตามฟาดหัวข่าวว่า ลูกจ้าง เฮ… ปรับขึ้นค่าจ้าง….
ในยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เคยมีการหาเสียง และพอเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ลงมือทำ โดยไม่รีรอ ปรึกษาหารือใคร ประกาศ ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ต่อวัน ทันที ครานั้น นายจ้าง เจ็บ อึ้งกันไปหลายปี และส่วนหนึ่งเป็นที่มา ของแรงงานต่างด้าว ที่กรูกันเข้ามาทำมาหากิน ในเมืองไทย
มาครานี้ “รัฐบาลเศรษฐา” ออกอาการ อารมณ์ บ่ จอย ตามที่ปรากฏเป็นข่าว… ลองมา ติดตามข้อเท็จจริงกันหน่อย นะ…
การปรับ “ค่าจ้างขั้นต่ำ” เป็นการ คุยกันของ 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง–ลูกจ้าง–ภาครัฐ ว่า สมดุล อยู่ที่ตัวเลขใด ที่จะให้ทั้งลูกจ้าง–นายจ้างอยู่ได้
ค่าจ้างสูงไป…..นายจ้าง อยู่ไม่ไหว ปิดโรงงาน หรือ หันหน้าไปใช้ หุ่นยนต์ …ลูกจ้างตกงาน หรืออาจมีทางเลือก ย้ายฐานการผลิต ไปยังประเทศที่มีค่าจ้างที่ถูกกว่า เช่นเดียวกับ วัฏจักรที่เมืองไทย เคยได้รับ เมื่อราวกว่า 30 ปีก่อนมาแล้ว ที่ต่างชาติ เข้ามาตั้งโรงงาน เมื่อมีจุดขายว่า ค่าจ้างถูก
ค่าจ้างถูกไป… ลูกจ้าง อยู่ไม่ได้ ค่าครองชีพ ไม่พอเลี้ยงปากท้อง อาจต้องควงกะ หางานสอง–สามจ็อบ ประสิทธิภาพงานต่ำลง หรือเป็นแรงงานไร้ฝีมือ สินค้าไม่มีคุณภาพ
ภาครัฐ ต้องพิจารณาสมดุล ของภาพรวมระดับประเทศ ว่าจะเดินหน้าไปได้อย่างไร…??
ตัวแทน ทั้ง 3 ฝ่าย เขาคุย หารือกันแล้ว เคาะตัวเลข เป็นกลุ่มจังหวัด สูงสุด คือ ภูเก็ต 370 บาท ต่อวัน ขอนแก่น 350 บาท ต่อวัน ต่ำสุด 330 บาท ต่อวัน คือ 3 จังหวัดชายแดนใต้
( ดู เอกสารประกอบ ว่า คุณๆ อยู่จังหวัดใด)
มีคำสร้อย ต่อ ว่า อูยยย…ภูเก็ต ค่าจ้างได้สูงสุด ปะ..เราไปทำงานที่เกาะสวรรค์–เกาะภูเก็ต กันเถอะ…..ช้าก่อน คิดต่ออีกนิด ค่าจ้างสูง ค่าครองชีพ ก็สูงเช่นกัน ไหนจะค่ากิน ค่าเช่าบ้าน จิปะถะ อาจจะเก็บเงินได้น้อยกว่า หากแม้ทำงานอยู่บ้านเดิม ซึ่งค่าจ้างได้น้อยกว่า แต่ค่าครองชีพถูกกว่า และอยู่พร้อมหน้า พร้อมตา กับครอบครัว เจ็บไข้ ยังได้ดูแลกัน
โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทุกคนต้องปรับตัว เข้าใจกัน สังคมจึงมีความสุขร่วมกัน
กลับไปที่วรรคแรก ว่า “ โจทย์ในใจของนักการเมือง คือ สมการเสียงข้างมาก “…………
“ผู้นำ” มีคำขยายความ อีกมาก เครื่องมือสำคัญไขปริศนา คือ……
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
Leave a Response