ชาวบ้าน อ.น้ำพอง ผวา ตายต่อเนื่อง 10 ศพ 

0B41C8C6-9C25-4852-8E18-2BB86F06AD8E

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่ามีคนตายต่อเนื่อง 10 ศพ ชาวบ้านต้องนำเสื้อแดงมาแขวนแก้เคล็ด เตรียมตั้งเสาหลักบ้านทำบุญปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านเผย ในหมู่บ้านมีการทำผิดจารีตจริง แต่การตายต่อกันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ไม่เกี่วกับผี เตรียมประชุมร่วมสองหมู่บ้าน

ชมคลิป

จากกรณีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง โพสต์ภาพ ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งมีบางอย่างในภาพลักษณะคล้ายวิญญาณผู้หญิงชุดขาว ผมยาวสีดำ ยืนอยู่ข้างเสาป้ายทางเข้าหมู่บ้าน พร้อมข้อความระบุว่า “มันคืออะไรหรอช่วยบอกที ตา มอง ไม่ชัด“ ซึ่งภายหลังผู้โพสต์โพสต์ลงใน Facebook ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปดังดล่าว กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งเชื่อและไม่เชื่อว่าเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ หลายคนบอกว่าเป็นภาพตัดต่อ โดยภายหลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากผู้โพสต์ Facebook ดังกล่าวได้ทำการลบโพสต์ออกไปแล้ว และได้มีการตอบถึงภาพดังกล่าวว่าไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่เพื่อความสบายใจของทุกคนจึงลบออกไป โดยระบุข้อความว่า “ก็คือจริงๆแล้ว มันเป็นภาพที่ผมถ่ายวันที่ผมไปส่งDaily ให้ลูกค้า เป็นถนนเส้นที่ผมขับรถผ่านเป็นประจำครับ ผมไม่รู้จริงๆว่ามีหรือไม่มี (สิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้) แต่ผมยืนยันว่าภาพถ่ายนั้นผมไม่ได้ตัดต่อครับ โปรดใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะครับ ผมไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่ หรือทำให้เข้าใจผิดกันและทะเลาะกันนะครับ สุดท้ายผมขออนุญาตลบโพสนั้นออกนะครับเพื่อความสบายใจ หวังว่าคงเข้าใจผมนะครับ”

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายสุพจน์ โนนทิง อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสำโรง ม.12 ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น  เพื่อสอบถามในเรื่องความเชื่อของชาวบ้าน จนพากันแขวนเสื้อผ้าสีแดงไว้ประตูทางเข้าบ้าน รั้วบ้าน และการทำผิดจารีตบ้าน นายสุพจน์  กล่าวว่า การแขวนเสื้อผ้าสีแดง ไว้หน้าบ้าน รั้วบ้าน หรือการทาเล็บ ทาปากสีแดง ป้องกันผีและวิญญาณตามความเชื่อของชาวบ้าน เพราะมีคนถ่ายภาพติดวิญญาณแล้วนำมาเผยแพร่ โดยส่วนตัวตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยพบเห็น ขับขี่รถออกจากหมู่บ้าน กลับมาในหมู่บ้านในตอนกลางคืนก็ไม่เคยพบเจอสิ่งผิดปกติ หรือพบเห็นผีแต่อย่างใด แต่เมื่อมีดเรื่องราวเกิดขึ้นมา และชาวบ้านเชื่อ ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ภาพดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าตัดต่อหรือไม่ถ้าตัดต่อก็อยายกรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร สิ่งที่เกิดขึ้น จนชาวบ้านทั้งม.11 และม.12 พากันแขวนเสื้อผ้าสีแดงไว้หน้าบ้านนั้น ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่  และก็เอาเสื้อสีแดงไปแขวนไว้หน้าบ้านเช่นเดียวกัน ส่วนความเชื่อที่ชาวบ้านกลัวว่า ผี หรือยมทูตมาเอาชีวิตนั้น ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เพราะชาวบ้านที่ตายทั้ง 10 รายนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนชราที่มีโรคประจำตัว ป่วยมานาน ไม่รักษาสุขภาพจึงเสียชีวิต บางรายเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดอื่น เมื่อแพทย์แจ้งว่า ไม่น่ารอด ญาติพี่น้องก็รับตัวกลับมาตายที่บ้าน ซึ่งการตายแบบนี้ มันเป็นเรื่องปกติของคนเจ็บป่วย ไม่ใช่นั่งอยู่ นอนอยู่กินข้าวอยู่แล้วขาดใจตาย

ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอีกว่า  เรื่องที่ชาวบ้านหวาดผวา และเกิดการห้อยเสื้อผ้าสีแดงไว้หน้าบ้านนั้น ไม่ได้รายงานให้ทางอำเภอหรือจังหวัดทราบแต่อย่างใด เพราะจะทำการประชุมร่วมกันทั้ง 2 หมู่บ้าน เพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงเรื่องความเชื่อต่างๆ อยากให้ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างปกติ เพราะอาจารย์ที่เป็นคนนำพาทำบุญบ้าน เคยมาที่หมู่บ้านแล้วทักว่า ชาวบ้านทำผิดจารีตบ้าน และไม่ทำบุญหมู่บ้านมานานกว่า 10 ปีแล้ว ก็ยอมรับว่ามีชาวบ้านฝืนจารีต วันพระยังมีคนฝ่าฝืนจารีต ที่ในอดีตปู่ย่า ตายายไม่ทำ เพราะถือปฏิบัติตามจารีตโบราณ พอมาในยุคปัจจุบัน คนไม่ค่อยเคารพ ไม่ค่อยปฏิบัติ จึงเกิดการทำผิดจารีตบ้าน  ซึ่งในเรื่องคนทำผิดจารีตบ้านนั้นยอมรับว่ามีจริงและเกิดขึ้นจริง  จึงต้องประชุมหารือกัน และทำบุญบ้าน ตั้งหลักบ้านใหม่เพื่อปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ลูกหลานทำผิด และห้ามชาวบ้านทำอีก เพราะให้หมู่บ้านชุมชน อยู่กันอย่างสงบสุข

 

ขณะที่ภรรยายของผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็น อสม.ก็มีการวัดความดันส่งให้หมอ หมอบอกความดันลงแล้วกลับบ้านได้ พอกลับบ้านมาก็ป่วยเล็กๆน้อยๆ กินยาพารา บอกว่าปวดหัว ปวดเนื้อปวดตัว พอเป็นหนักๆตอนเอารถไถไปนา ก็ปวดหัวหนักจนต้องแวะจอดข้างทางจนมีชาวบ้านมาเห็นก็ได้ถามไถ่ เจ้าตัวบอกว่าผมปวดหัว ชาวบ้านจึงพาลงจากรถและเรียกชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีใครรู้จักให้บอกลูกเมียมารับไป ซึ่งคนนี้เป็นคนความดันสูงทำงานได้ปกติ มีเวียนศีรษะปวดหัว หากจะบอกว่าเป็นเพราะผีก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่แต่ละคนเสียชีวิตคือมีโรคประจำตัว และเป็นผู้สูงอายุ แต่พอมาตายต่อกันจึงเป็นความบังเอิญ ส่วนตัวถ้าว่าไม่เชื่อก็เป็นเรื่องที่น่าเชื่อ แต่ส่วนตัวเรื่องคนตายไม่เชื่อว่าเกิดจากผีเพราะมีแต่คนป่วย ส่วนอุบัติเหตุก็เกิดอุบัติเหตุที่อื่น คนแรกรถล้มที่ อ.กระนวน ก็พาเอามาเผาผีที่บ้าน ต่อมาอีกคนอยู่ปราจีนบุรี ก็พาร่างมาทำพิธีที่หมู่บ้าน แต่ส่วนตัวมองเป็นเรื่องปกติของการเกิดแก่เจ็บตาย เพราะแต่ละคนก็ป่วยนานแล้ว แต่มาตายเรียงต่อกัน ที่ผ่านมาก็เหตุการณ์ปกติ ใช้ชีวิตปกติ ทำงานปกติก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับผีให้เห็นแต่อย่างใด และใช้ชีวิตอย่างมีสติ

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง