คืบ วอนเอาลูกไปบำบัด พบพฤติกรรมอันตรายต่อรอบข้าง

2024-011

คืบหน้า วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำตัวลูกชายไปบำบัดยาเสพติด พบพฤติกรรมเป็นภัยอันตรายต่อทุกคนที่อยู่รอบข้าง ลักเล็กขโมยน้อย แอบอ้างเป็นตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านคนอื่น ทำได้เพียงเฝ้าระวังจับส่งตำรวจเรื่อยๆ ขณะที่ยายร่ำไห้ ถ้าสามีอยู่หลานชายคนนี้ไม่เหลือหรอก

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ชุมชนข่าวขอนแก่น” โพสต์คลิปวงจรปิด เป็นเหตุการณ์ชายคนหนึ่งถือมีดเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งเป็นยายแท้ๆของตัวเอง โดยต้องการที่จะขอเงินนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งขณะนั้นคุณยายบอกว่าจะไปยืมเงินคนอื่นมาให้ โดยหลานชายยังคงอาละวาดเอามีดฟันสิ่งของพร้อมกับชี้ที่กล้องวงจรปิด พร้อมข้อความระบุว่า“แม่สุดทนวอนช่วยเหลือ ลูกชั่วอาละวาดขอเงินซื้อยาบ้า บ่อมีมันกะทำลายข้าวของขอหน่วยงานปราบยาเสพติด ครอบครัวอยู่ยาก เป็นบุคคนอันตราย ช่วยเหลือแน่จร้าแจ้งตำรวจมัญจากะบ่อจับให้จักเทื่อ“ ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากอยากให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดอันตรายมีใครได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 36/1 บ้านห้วยไส้ไก่ หมู่ 1 ต.ท่าศาลา อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนางไพร โพธิ์ขี อายุ 77 ปี ยายแท้ๆของชายในคลิป และเป็นจุดเกิดเหตุ โดยนางไพร อาศัยอยู่ที่บ้านกับหลานๆชายหญิงอีก 3 คน พร้อมกับพาผู้สื่อข่าวเดินดูที่กองกระสอบปุ๋ย และบริเวณครัวที่จัดเก็บถ้วยชามและยุ้งข้าวที่เก็บข้าวเปลือก รวมทั้งตู้เสื้อผ้าในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ นายปรีชา หลานชายมาขโมยเอาทั้งปุ๋ย ข้าวเปลือก ถ้วยชามและผ้าไหมไปขาย เอาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ พร้อมทั้งพาดูบ้านจุดหลบภัยโดยทำเป็นประตูกรงเหล็กล็อกกั้นระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 ของบ้าน หากหลานชายเข้ามาก็จะพากันไปหลบอยู่ด้านบนเพื่อความปลอดภัย จนกว่าหลานชายยจะออกจากบ้านไป นอกจากนี้ยังได้ทำกรงเหล็ก ลูกกรงใส่ทั้งประตูหน้าต่างรอบบ้านอีกด้วย

นางไพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลานชายไม่ทำงาน เพราะไม่มีใครจ้าง เพราะเป็นบุคคลอันตราย สร้างความเดือดร้อนบ่อยครั้ง อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกอยู่ที่ทุ่งนา ในทุกๆวันจะมาขอเงินไปซื้อยาบ้านเสพ หากไม่ให้ก็อาละวาด นอกจากนี้หลานชายยังไประรานประชาชนรายอื่นๆ ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย บุกรุกบ้านคนอื่น อ้างตัวเป็นตำรวจ ไปค้นบ้านชาวบ้าน สร้างปัญหาเดือดร้อนให้คนไปทั่ว เกิดจากต้องการเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ จึงอยากให้ทางราชการมาช่วยเหลือ นำหลานชายไปบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด เพราะถ้าไม่ช่วยเกรงว่า หลานชายจะฆ่าและทำร้ายคนอื่นจนถึงแก่ชีวิตได้

ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวคุยกับคุณยายนั้น คุณยายถึงกับหลั่งน้ำตาด้วความอัดอั้นตันใจ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ต้องเจอความเดือดร้อนทุกวัน ถ้าตายังมีชีวิตอยู่ หลานชายคนนี้รับประกันได้ว่าไม่เหลือ ซึ่งก่อนตาจะสิ้นใจเคยบอกตนเองเอาไว้ให้ระวังเรื่องหลานชาย และก็เป็นตามคำที่สามีพูดจริงๆ

ทางด้านนายชำนาญ ปานกลาง ผู้ใหญ่บ้านห้วยไส้ไก่ หมู่ที่ 1 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พฤติกรรมของนายปรีชานั้น บอกได้คำเดียวว่า แสบมาก ก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย ข่มขู่อาละวาดในพื้นที่เป็นประจำ หนำซ้ำยังอ้างตัวเป็นตำรวจเข้าไปขอตรวจค้นภายในบ้านของชาวบ้าน ลักษณะเหมือนประสาทหลอน จนชาวบ้านทุกคนเอือมระอากับนายปรีชา และเมื่อปีที่ผ่านมาไม่นานนี้ นายปรีชาได้เข้าไปตัดไม้ในโรงเรียนในหมู่บ้าน จนทางโรงเรียนแจ้งความเอาผิด ตนเองในฐานะผู้นำก็มีการเฝ้าระวังและแจ้งตำรวจมาเอาตัวไปอยู่ตลอด แต่ก็กลับออกมาทำพฤติกรรมแบบเดิมๆ บางครั้งก็ลากมีดเดินตามถนนในหมู่บ้าน บางครั้งก็ยิงปืนขึ้นฟ้า อาละวาดคนไปทั่ว ทางเดียวคือต้องนำตัวไปบำบัดให้หายขาด

ขณะที่ พ.ต.อ.พิชัย นาขันดี ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจและทางปกครองจะมีโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด เป็นการบำบัดโดยมีส่วนร่วมของสังคม ที่ผ่านมามีการดำเนินการนำผู้ป่วยยาเสพติดมาเข้าโครงการ และใช้วิธีธรรมะขัดเกลา และฝึกหาอาชีพให้สร้างรายได้มาแล้ว 3 รุ่น แต่ถ้าถามผลลัพท์ว่าหายร้อยเปอร์เซ็นไหมตอบได้ว่าไม่ แต่อย่างน้อยก็สามารถบำบัดได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ย้อนปลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยเป็นศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติดโดยเฉพาะ

ในส่วนของนายปรีชา สิงห์ทองนั้นตำรวจจะประสานกับทางอำเภอ เพื่อหาแนวทางป้องกัน ระงับเหตุ ซึ่งจะมีการใช้มาตรการเบื้องต้น ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเป็นการควบคุมสถานการณ์รอกำลังเสริมสนับสนุนจากตำรวจเป็นผู้ดำเนินการตามยุทธวิธีที่ฝึกมา โดยในการส่งเข้ารับการบำบัดนั้น อยู่ที่ญาติ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเจ้าตัวบอกไม่ป่วย ก็จะมีการดำเนินการในส่วนที่ทำได้ เช่นมาตรการเบื้องต้น ส่วนการนำตัวไปบำบัดยาเสพติดนั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ในข้อหาเสพยาเสพติดทุกวันนี้โทษน้อย จึงเข้าบำบัดไม่นานก็ออกมา ตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจสามารถควบคุมตัวได้เพียง 48 ชม. เมื่อเราได้ตัวก็จะให้สงบสติอารมณ์ก่อนนำตัวตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยายาล หากพบสารเสพติดในร่างกายก็จะทำบันทึกจับกุมดำเนินคดีในส่วนนั้นไป ในการทำงานจึงต้องร่วมกันหลายฝ่ายเพื่อดำเนินการ เพราะบางเคสเป็นผู้ป่วยจิตเวช เราอาจเป็นเพียงผู้ช่วย ซึ่งทางแพทย์จะมีวงรอบในการตรวจอยู่แล้ว

ที่ผ่านมากรณีนายปรีชานั้น ทางตำรวจยืนยันดำเนินการเต็มที่ เมื่อร้บแจ้งก็ลงพื้นที่ทันที แต่ด้วยระยะทางไกลทำให้ต้องใช้เวลา เพราะอ.มัญจาคีรีเป็นพื้นที่กว้าง บางกรณีไกลถึง 30 กม. อย่างบ้านห้วยไส้ไก่นั้นหากจากโรงพักเกือบ 20 กม. เมื่อไปถึงนายปรีชาก็หลบหนีไปแล้ว ในส่วนหนึ่งอาจเพราะญาติเองต้องการให้นายปรีชาออกจากบ้านไปโดยเร็วจึงขู่ว่าแจ้งตำรวจแล้ว พอตำรวจมาไม่เจอกลับไป นายปรีชาก็ย้อนมาอีก ในส่วนนี้หากทางผู้เสียหายเข้าแจ้งความทางตำรวจก็ดำเนินคดีทันที อย่างที่ผ่านมาทางตำรวจได้รับแจ้งและดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดและลักทรัพย์ในปี 65 จนถึงขณะนี้มี รวม 4 คดี ปี65 คดียาเสพติด 2 คดี คดีตัดต้นไม้ลักทรัพย์ในโรงเรียนบ้านห้วยไส้ไก่ 1 คดี และปี 66 คดีเสพยาเสพติด 1 คดี ในคดีอื่นๆนั้นทางตำรวจยังไม่ได้รับแจ้ง

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง