ขอนแก่น เหยื่อถูกหลอกไปปฏิบัติธรรมสูญเงินกว่า 2 แสนบาท ใครไม่เชื่อเจอปืนจ่อหัว

IMG_8828

เหยื่อไปทำบุญที่คำชะโนดถูกหลอกไปปฏิบัติธรรมที่ จ.หนองคาย โดยมีอาจารย์มังกร เป็นเจ้าสำนัก พอหลงเชื่อเริ่มถูกทักหลายอย่าง หลอกทำพิธีเสียเงินกว่า 2 แสนบาท พอมีท่าทีไม่เชื่อชักปืนออกมาจ่อหัวบังคับให้คล้อยตาม ทำได้แค่แจ้งเตือนภัยไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อเพิ่ม พร้อมแฉในสถานปฏิบัติธรรมมีเหยื่อเป็นนักธุรกิจ คนมีชื่อเสียง เสียเงินเป็นล้าน สอนในเรื่องสาปแช่งคนไม่มีการปฏิบัติธรรมจริง

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 26 ม.ค.2567 นาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 47 และ นางสาว บี (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาว จ.ขอนแก่น นำภาพภายในสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย มาเปิดเผยกับสื่อมวลชน พร้อมนำเรื่องราวความผิดปกติภายในสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวมาเปิดเผย ภายหลังเพิ่งรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเอาเงินไปกว่า 200,000 บาท และได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้กับ ร.ต.อ.ศราวุธ จันทะวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเดื่อ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา

โดย น.ส.บี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ส่วนตัวชอบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อช่วงเดือน ก.ค.2566 ที่ผ่านมา ได้ไปทำบุญที่วัดป่าคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และขากลับได้แวะที่บ้านนาคคำชะโนด ซึ่งเมื่อเข้าไปก็พบว่าเป็นช่วงที่มีการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์พอดี ซึ่งมีประชาชนหลายคนนำลูกแก้วมาถวายในพิธีเป็นจำนวนมากตามความเชื่อและศรัทธา ซึ่งตนเองก็ได้ไหว้ขอพรโชคลาภเสร็จ ก็เห็นกลุ่มคนชุดขาวประมาณ 10 กว่าคน มาร่วมพิธีด้วย โดยตนเองเกิดความสนใจได้เข้าไปสอบถามว่ามาจากที่ไหนกัน จึงได้ทราบว่ามาจากสำนักสงฆ์ที่ จ.หนองคาย และยังชักชวนมาร่วมปฎิบัติธรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หลังพูดคุยเสร็จตนเองก็ได้เดินทางกลับขอนแก่นทันที

ด้วยความที่เป็นคนชอบในเรื่องแบบนี้อยู่แล้วจึงได้เดินทางมาที่สถานปฎิบัติธรรม ซึ่งตั้งอยู่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงก็พบชายคนหนึ่งบอกว่าเป็นอาจารย์เจ้าของสถานปฏิบัติธรรมพร้อมทั้งทักตนเองว่าอาจเกิดอุบัติเหตุหากเดินทางต่อ จึงชวนมาร่วมปฎิบัติธรรม ประกอบกับตนเองมีความทุกข์ในใจอยู่แล้วจึงตกลงที่จะร่วม เมื่อเข้าไปภายในสถานปฏิบัติธรรมพบคนที่อยู่ประจำสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ พร้อมทั้งคอยดูแลสถานที่และคนที่มาปฎิบัติธรรมรวมประมาณ 10 คน ซึ่งพูดจาดีดูแลตนเองเป็นอย่างดี ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาทักว่า วิญญาณพ่อของแฟนตนเองไม่สงบสุข จึงได้ชักชวนให้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท ซึ่งตนเองก็เชื่อสนิทใจ จึงตกลงร่วมพิธีแต่พิธีนั้นทางอาจารย์บอกว่าไม่สามารถเปิดให้ใครได้เห็นตอนทำพิธีได้ ก่อนจะโทรกลับมาบอกว่าทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้วดวงวิญญาณสงบสุขไปสู่สุคติแล้ว ครั้งแรกจบไปตนเองก็ยังเชื่อและศรัทธาปฏิบัติธรรมอยู่ภายในสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ อาจารย์ก็จะมาทักเรื่อยๆ หาเหตุมาอ้างเพื่อทำพิธีให้ตนเองจ่ายเงิน ซึ่งตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ตนเองหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ ทั้งจ่ายเงินสด ทั้งโอนเงินให้ รวมแล้วทั้งสิ้นเป็นเงิน 207,400 บาท

ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ภายในสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ไม่ได้มีการปฎิบัติธรรมอย่างที่คิดไว้ และจะอ้างชื่อหลวงปู่เหมือน เกจิชื่อดังซึ่งมรณภาพไปแล้ว โดยเอามาหลอกลวงเหลื่อรายอื่นๆให้หลงเชื่อ และก็เห็นกลุ่มคนที่หลงเชื่อโดยอาจารย์บอกว่าเป็นคนที่หลวงปู่เหมือนเลือก สูญเงินตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน โดยตนเองเห็นนักวิชาการคนหนึ่งโอนเงินให้กับทางสถานปฏิบัติธรรมเป็นเงินหลักล้านบาท รายอื่นๆหลักแสนก็มี แต่ก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนจ่าเงินกันเท่าไหร่ แต่ทุกคนจะถูกย้ำด้วยคำพูดว่าทุกคนคือคนที่หลวงปู่เหมือนเลือกแล้ว และยอมทำตามทุกอย่างตามความศรัทธาแต่ละคน และทุกๆคนที่โอนจะไม่โอนเข้าบัญชีของอาจารย์ แต่จะเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานปฏิบัติธรรมเป็นบัญชีรับเงิน โดยทั้ง 13 คน จะมาทุกวัน เสา-อาทิตย์ ซึ่งไม่ทราบว่ามาเรียนวิชาอะไรบ้าง เป็นการเรียนมาแล้ว 16 ปี แต่บอกว่าให้เรียนเพราะหลวงปู่เหมือนเลือกแล้วจึงต้องเรียน และตนเองต้องการให้ชีวิตดีขึ้น แต่ในวิชาที่เรีนนั้นเป็นเรื่องของพิธีการสาปแช่ง อ้างต่างๆนาๆทั้งเรื่องการเมือง เรื่องสถาบัน แอบอ้างตัวว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังคอยดูแล ยกตัวอย่างเรื่องพรรคการเมืองสีส้มที่ไม่ได้เป็นนายกก็เพราะอาจารย์

นอกจากนี้ภายในสถานปฏิบัติธรรมยังมีการเปิดอู่ซ่อมรถด้วย โดยได้เอารถของตนเองมาเช็คให้แล้วบอกว่าสภาพรถไม่ดีเลย ต้องซ่อมหลายอย่าง พอเริ่มซ่อมก็มีค่าเปลี่ยนอะไหล่เข้ามาอีกหลายอย่างเราก็จ่ายไปเพราะยังเลื่อมใสศรัทธาอยู่ พูดอะไรมาเราก็เชื่อ ณ เวลานั้น ก่อนที่จะเริ่มสงสัยว่าทำไมรถไม่ดีขึ้น จึงนำมาให้อู่ภายนอกดู ช่างบอกว่าหมดทั้งคันเป็นอะไหล่ปลอม และเป็นอะไหล่ที่เสียแล้วมาซ่อมให้เรา จึงเริ่มมาย้อนคิดหลังจากอยู่ได้ 3 เดือน และมีจุดแตกหัก ตนเองขอไปดูแม่แม่จะผ่าตัดที่โรงพาบาล แต่อาจารย์มังกรโวยวายไม่ให้ออกไป บอกว่าเราจะมีชีวิตที่ไม่ดีจะต้องตาย แต่ตนเองมองว่าถ้าอยู่ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น พอกลับออกมาได้ 2 สัปดาห์จึงเข้าแจ้งความ แต่ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพราะไม่มีมูลไม่มีคนมาแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ กระทั่งมีช่วงเช้าวันนี้มีทางตำรวจโทรมาแจ้งให้ไปแจ้งความ หลังมีเหยื่อเป็นหญิงคนหนึ่งไปแจ้งความเช่นเดีวกัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และตำรวจได้สั่งการให้ตรวจสอบทั้งหมด ในเรื่องนี้เองตนเองก็ขอดูสุขภาพตัวเองก่อน และอยากจะฝากเตือนคนอื่นๆอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ และคงบอกได้แค่ระวังและดูให้ดีก่อนเชื่อ

ด้าน นาง เอ (นามสมมุต) เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในช่วงที่ไปปฏิบัติธรรมนั้น ตนเองเป็นคนที่ไม่เชื่อ อาจารย์มองหน้ามองตาตนเองแล้วบอกว่าตนเองไม่เชื่อเขา สั่งอะไรก็ไม่ยอมฟังไม่ยอมทำตาม เพราะตนเองเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ด้ว จนอาจารย์เอาปืนออกมาจ่อหัวขู่ บอกว่าให้ทำตามไปสาปแช่งคนนั้นคนนี้ แต่ตนเองไม่ชอบไปด่าใคร และไม่มีความจำเป็นจะต้องด่าใคร การปฏิบัติธรรมจะเป็นการเรียนดึกๆดื่นๆ มีการต่อว่าคนอื่นด้วยถ้อยคำหยาบคายตลอด ส่วนตัวมองการเป็นอาจารย์ต้องให้ลูกศิษย์เคารพแต่มาด่ามาว่าแถมมีพฤติกรรมข่มขู่ให้เชื่อตามอีก ทั้ง 13 คน ที่ตกเป็นเหยื่อขณะนี้นั้น ส่วนตัวได้มีการพูดกันบ้าง มีหลายคนเริ่มไม่เชื่อแล้ว แต่บ้านที่อยู่ใกล้เมื่อออกไปจากสถานปฏิบัติธรรมอาจารย์ก็จะเอาคนไปอ้อนวอนให้กลับมาอีก ประชาชนที่เคยโดนหลอกก็อยากให้เข้ามาแจ้งความที่ สภ.บ้านเดื่อ จ.หนองคาย ส่วนตัวได้บอกคนดูแลเอาไว้แล้วว่าอย่าไปตามประวัติเรื่องลูกแก้วให้คนที่มาทำบุญฟังไม่งั้นก็ต้องเข้าไปเจอสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้อีก

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง